เขียนโดย : ลูกชาวนาไทย
วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม 2010 เวลา 21:58 น.
ก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ เสธ.แดงนะครับ ผมเดินทางไปสอยดาวตั้งแต่วันศุกร์ที่ 22 มกราคม ไปถึงก็ 5 โมงแล้ว เขาตั้งเวทีกันแล้วเข้าไปได้ใจกลางสนามกอล์ฟ ห่างจากคลับเฮ้าส์ หรือรีสอร์ทไม่กี่ร้อยเมตร ผมขี้เกียจกลางเต้นท์นอน ผมชอบนอนเปลมากกว่า ก็เลยหลบไปนอนเปลเสียไกล นึกว่าจะพ้นความจอแจ ที่ไหนได้ตั้งแต่ตีสามมารถทยอยเข้ามาตึมส์ ตอนตีห้าได้ยินกลุ่มคนจอดรถแล้วก็บอกว่า นอนกันตรงนี้เลย แล้วก็มาผูกเปลต้นไม้ที่ผมนอน ผมได้ยินเสียงกระจายเต็มป่า ก็นึกรำคาญว่าไม่เกรงใจเราเลย บางคนก็ตะโกนบอกว่าให้เปิด ว. เอาไว้ ช่องเดียวกัน ตื่นมาโมงเช้า ลุกขึ้นมาดู "อ้าวโดนเสือพรานล้อมไว้เต็มหมด" คือพวกที่เขามานอนบริเวณผมคือ ทหารพราน
คืนวันที่สอง กำลังนอนในเปลดีๆ ในป่าอีกแห่ง ก็ได้ยินคำปราศรัยมีคนตบมือโห่ร้องด้วยความชอบใจ ฟังดูได้ยินเสียง เสธ.แดงขึ้นปราศรัย ก็ปราศรัยยาวสองชั่วโมงท่ามกลางความชื่นชอบของคนฟังหลายหมื่น (คุณแมวอ้วนอ้วนประเมินว่า 50,000 คนขึ้น และมากกว่าที่เขายายเที่ยงมาก ผมคิดว่าสามหมื่นขึ้น แน่นจนขี้เกียจเดิน บางกลุ่มเหมารถมาจาก อ.ฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เดินทางตั้งแต่สามโมงเย็นวันศุกร์ ต้องเหมารถสี่หมื่นกว่าบาทเฉลี่ยกันออก)
นี่เป็นครั้งแรกที่ "เสธ.แดง" ได้ขึ้นเวที นปช. แต่ก่อน เสธ.แดงไปป้วนเปี้ยนในการชุมนุม นปช. แทบทุกครั้งก็จริง แต่ไม่เคยได้ขึ้นเวที และคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ก็ไม่ได้คิดว่า เสธ.แดงคือ นปช. เป็นแต่เพียงกลุ่มอิสระเข้ามาร่วม
ผมฟังปราศรัยแล้ว เสธ.แดงปราศรัยได้ดึงดูดแฟนๆ อย่างมาก ในทางการเมืองถือว่าเกิดแล้ว และไปอยู่ในรุ่นเดียวกับ ณัฐวฒิ จตุพร ได้เลยทีเดียว แม้ส่วนมากจะเอามัน แต่ก็เรียกเสียงสนับสนุนได้มาก เนื้อหาส่วนใหญ่ก็ถล่ม ป๋า อนุพงษ์ และวิธีการปฎิวัติประชาชน ที่มีสามส่วนแบบที่คุณบังสกุลพูดไว้คือ พรรค แนวร่วม และกองกำลัง เสธ.แดงประกาศตัวเองเรียบร้อยว่าเป็น "หัวหน้าส่วนกองกำลัง" (ทหารพรานแต่มีแต่สากกระเบือเป็นอาวุธ เพราะไม่มีอาวุธ)
ผมฟังคำปราศรัยด้วยความ "กังวลใจพอสมควร" เพราะผมเป็นคนวิเคราะห์ เพราะการดึง เสธ.แดงเข้ามาถือเป็นการก้าวที่สุ่มเสี่ยงพอสมควรทีเดียว หมายถึงการใช้กำลังกันจะเลยเถิดไปหรือไม่ แต่ผมคิดว่า "แกนนำเสื้อแดง" คือ ทักษิณ สามเกลอ ชวลิต และอื่นๆ คงพิจารณาที่จะ "บุกไปแนวนี้แล้ว" ประกาศให้ฝ่ายอำมาตย์ทราบว่า อย่าคิดจะเล่นงานฝ่ายเดียว เสื้อแดงก็มี "หมัดสวนแล้วเหมือนกัน"
ก็ต้องคอยดูกันไป เสธ.แดงต่างจากพัลลภ ทั้งๆ ที่เป็นทหารนักรบคือ เสธ.แดง มี "วาทกรรมการปราศรัย" ที่ถือว่า "เกิด" ทางการเมืองแล้ว ใช้โอกาสจากทหารเกเรก่อนปี 2549 มาเป็นนักการเมืองที่มีกำลังของตนเอง "ปาก" กับ "กำลัง" ผมว่า เสธ.แดงสร้างตัวได้ดีพอสมควร ก็ต้องดูว่าผลงานเป็นอย่างไร จะสุ่มเสี่ยงหรือไม่ ตอนนี้ เสธ.แดง กลายเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว เป็นนักเขียน จบปริญญาเอก ผมคิดว่าคงมีความคิดพอสมควร
เสธ.แดงตอบโต้ทหารได้ดุเดือดกว่าคนอื่นๆ ในด้าน การเป็นข่าว คนเสื้อแดงบางคนเคลือบแคลงใจว่า "เสธ.แดง" จะเป็น ม้าไม้เมืองทรอย ของอำมาตย์ หรือไม่ ผมก็เคยกังวลในประเด็นนี้เช่นกัน ก็เลยต้องวิเคราะห์กัน หากเป็นม้าไม้เมืองทรอย เสธ.แดงจะได้ประโยชน์อะไรจากอำมาตย์
1. เสธ.แดงจะเกษียนอายุราชการในอีกปีหน้า สิ่งที่อำมาตย์ใหญ่จะให้ได้คือยศ "พลโท" ตำแหน่งลอยๆ ตำแหน่งหนึ่ง แต่้คงไม่มีเวลานานอะไรนักกับตำแหน่งลอยๆ เพราะใกล้เกษียณแล้ว ยศ "พลโท" น่าจะเป็นสิ่งที่อำมาตย์ให้ได้มากที่สุด แต่ไม่แน่ใจว่าจะทำงานสำเร็จหรือเปล่า หากเป็นม้าไม้่เมืองทรอย ผมเชื่อว่าไม่ค่อยสำเร็จเท่าใดนัก เพราะความขัดแย้งทางการเมืองของไทยครั้งนี้ คนขัดแย้งกันระหว่าง "อำนาจนิยม" "กับ "ประชาธิปไตย" ไม่มีแผนหรือเคล็ดลับอะไรที่จะทำใ้ห้่เสื้อแดงไปสนับสนุนอำมาตย์ได้อีกต่อไป ม้าไม้เมืองทรอยจึงไม่ค่อยมีประโยชน์มากนัก
2. เสธ.แดง ได้เงินจากอำมาตย์ ผมคิดว่า เรื่องไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ อะไรนักฝ่ายทักษิณก็แก้ปัญหานี้ได้
คิดว่าหาก เสธ.แดงเป็นม้าไม้ ก็คงปลดเกษียณแค่ "พลโท" ทหารแก่ๆ คนหนึ่ง
หาก เสธ. แดง อยู่กับคนเสื้อแดง และหากโค่นอำมาตย์สำเร็จ (ผมคิดว่าเป็นเงื่อนไขของเวลาเท่านั้น เลืิอกตั้งเ้สื้อแดงก็ชนะ) สิ่งที่ เสธ.แดงจะได้่คือ "ศรัทธจากคนจำนวนมาก"
และนั่นคือ การแปลงเป็น "ทรัพยากรทางการเมือง" และเป็๋นนักการเมือง ที่เด่นพอสมควร ส่วนตำแหน่งทางการเืมืองในอนาคต ก็ต้องต่อสู้เอาเอง แต่ก้าวเข้าสู่ ถนนแห่งอำนาจ ที่ไม่มีวันเกษียนแบบ "อนุพงศ์"
จากการวิเคราะห์แล้วผมไม่คิดว่า เสธ.แดงจะเป็นม้าไม้ หรือเป็นก็อาจไ่ม่สร้างความเสียหายมากนัก เท่าที่ผมทราบ เสธ.แดงไม่ได้เป็นเจ้าพ่อ หรือคุมอะไรอย่างที่หลายคนคิด เพราะไม่ได้อยู่ใน "เส้นทางเจ้าพ่อ" แบบทหารบางคนที่เรารู้จักมาก่อน
เสธ.แดงเป็นทหารมุทะลุ เมื่อไม่มีงานทำ ก็พยายามสร้างบทบาทให้ตัวเอง โดยการ "ชกกับคนที่ใหญ่กว่า" เช่น พล.ต.อ.สันต์ หรือ พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์
เสธ.แดงจบกฎหมาย และ จบปริญญาเอก แสดงว่า "ขยันเรียน" พอสมควร เขียนหนังสือได้หลายเล่ม คนที่เขียนหนังสือได้ ผมถือว่าไม่ใช่คน "ไร้ความคิด" แต่เขามีความคิดลึกซึ้งพอสมควร (ผมยังเขียนหนังสือไม่ได้เป็นเล่ม)
เขาคือนักเขียนที่สร้างชื่อโดยการสร้างเรื่องให้ดัง จะได้มีแฟนคลับ เขาได้ยศ แต่ไม่มีงานทำจริงๆ จังๆ คนที่ "Active" เมื่อไม่มีงานทำสมกับสมองของตัวเอง ก็ออกมาในทำนอง "เกเร" ชนดะ กับหน่วยงานหรือคนในองค์กรของตน เพราะความ "ผิดหวัง" คือ เสธ.แดงเป็นเหมือน "วีรบุรุษที่ไม่มีเวทีให้แสดง" (ภาษิตหนังจีน)
เมื่อไม่มีเวทีให้แสดง ก็ต้องสร้างเวทีขึ้นเอง ตอนนี้เขาสร้างได้แล้ว ให้ระวัง คนที่ เป็นนักรบ นักเขียน ด็อกเตอร์ และบ้าดีเดือด หากเขาทุ่มเทสมองกับ "สงครามใหม่" ที่เขาได้เป็น ขุนพลแล้ว เขาก็จะเกิด เป็น "อ๋อง" ทางการเมือง ที่มีเมือง กำลังของตนเอง หากเทียบกัยสามก๊ก เขาก็ได้เป็น "ตัวนาย" แล้ว ไม่ใช่ "ทหารเลว" อีกต่อไป
เมื่อได้เป็น "ตัวนาย" แล้ว ก็อยู่ที่บทบาทว่าจะสามารถสร้างได้ดีหรือไม่ "โอกาสและฟ้าดินเปิดทางแล้ว" อยู่ที่ "ความพยายามของคนเท่านั้นเอง" ...
ที่มา: เว็บไซด์ไทยฟรีนิวส์
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น