วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2553

ย้อนคดีรุกป่าเขาสอยดาว อัยการดองเค็ม 6 ปี..!!!


เริ่มจาก กรมป่าไม้ ได้รับการร้องเรียนจากคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา (ชุดที่มี นายอนันต์ ดาโลดม อดีตส.ว.สุราษฎร์ธานี เป็นประธาน) เมื่อปลายปี 2544 ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการครอบครองพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว และเขตป่าสงวนแห่งชาติ ใน จ.จันทบุรี ของนักธุรกิจและนายทุนกลุ่มหนึ่ง โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยนายสุนทร วัชรกุลดิลก อดีตผู้อำนวยการส่วนป้องกันและปราบปราม กรมป่าไม้ อดีตเจ้าหน้าที่ป่าไม้ 7 กรมอุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (ตำแหน่งในขณะนั้น - ปัจจุบันเป็นผอ.สำนักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.สุราษฎร์ธานี )ได้รับมอบหมายจากกรมป่าไม้ให้เข้าไปสอบสวนข้อเท็จจริง พบว่า มีกลุ่มนักธุรกิจและนายทุนเข้าไปครอบครองที่ดินโดยผิดกฎหมายจริง โดยเป็นลักษณะการครอบครองที่ดินทับซ้อนอยู่ในพื้นที่ที่จัดสร้างสนามกอล์ฟเขาสอยดาว นักธุรกิจและนายทุนกลุ่มนี้ ปรากฏรายชื่อผู้ครอบครองที่ดิน ดังนี้

1. บริษัท สวนจันทบุรี จำกัด นายประยุธ ปุณศรี และ นายธีรพงษ์ นานวิลัย ครอบครองพื้นที่ 150-3-01 ไร่ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว

2. บริษัท สวนจันทบุรี จำกัด นายประยุธ ปุณศรี และ นายธีรพงษ์ นานวิลัย ครอบครองพื้นที่เขตป่าไม้ 33-2-40 ไร่

3. นางพิไลจิตร เริงพิทยา และ บริษัท สวนจันทบุรีฯ ครอบครองพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ 48-3-25 ไร่ แปลงที่ดินเลขที่ 13

4. นายสมบัติ ลีสวัสดิ์ตระกูล และ บริษัทสวนจันทบุรีฯ ครอบครองพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ 49-3-93 ไร่ แปลงที่ดินเลขที่ 14

5. นายนภดล รมยะรูป และ บริษัทสวนจันทบุรีฯ ครอบครองที่ดินเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ 6-1-71 ไร่ เขตป่าไม้ 43-2-24 ไร่ แปลงที่ดินเลขที่ 15

6. นายชาลี โสภณพนิช ประธานบริษัท ซีตี้ เรียลตี้ จำกัด และบริษัทสวนจันทบุรีฯ ครอบครองพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ 49-3-88 ไร่ แปลงที่ดินเลขที่ 16

7. นายจินดา ศรอำพน และบริษัทสวนจันทบุรีฯ ครอบครองที่ดินเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ 33-3-77 ไร่ เขตป่าไม้ 16-0-12 ไร่ แปลงที่ดินเลขที่ 17

8. นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ และบริษัทสวนจันทบุรีฯ ครอบครองที่ดินเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ 49-3-47 ไร่ แปลงที่ดินเลขที่ 18 รวมพื้นที่ทั้งหมด 482-3-78 ไร่

จากการตรวจสอบพบว่า มีบางส่วนของสนามกอล์ฟ ขณะนั้นเป็นของ “สวนจันทบุรี” ของครอบครัวโสภณพนิช ขณะนั้นมีการถือครองพื้นที่ส่วนหนึ่งในเขตป่าสงวนแห่งชาติเขาสอยดาว และไม่มีเอกสารสิทธิ จำนวน 400 ไร่ และไม่มีใบเหยียบย่ำด้วย โดยผู้ครอบครองที่ดิน อ้างว่าซื้อต่อมาจากชาวบ้าน

ทั้งนี้สนามกอล์ฟมีพื้นที่ทั้งหมด 4,012 ไร่ 2 งาน 27 ตารางวา ตั้งอยู่ หมู่ 2 ต.ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ติดถนนสายจันทบุรี-สระแก้ว ส่วนที่ไม่มีเอกสารสิทธินี้คือ เป็นพื้นที่ทับซ้อนกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว จำนวน 389 ไร่ 3 งาน 02 ตารางวา และทับซ้อนเขตพื้นที่ป่าไม้ถาวร 93 ไร่ 76 ตารางวา รวมพื้นที่ ที่การครอบครองโดยผิดกฎหมายทั้งสิ้น 482 ไร่ 3 งาน 78 ตารางวา จึงดำเนินคดีในส่วนนี้ และแจ้งความต่อกองบัญชาการสอบสวนกลาง

นายสุนทร วัชรกุลดิลก ได้นำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของกรมอุทยานแห่งชาติ และได้แจ้งความเมื่อประมาณเดือนสิงหาคม 2546 การแจ้งความครั้งนั้น คณะกรรมการของกรมอุทยานฯมีมติให้นายสุนทร ไปแจ้งความ

เบื้องต้นกรมป่าไม้ได้ส่งเรื่องไปยังกองบัญชาการสอบสวนกลาง ให้พิจารณาดำเนินคดีกับกลุ่มนักธุรกิจและนายทุนกลุ่มนี้ แต่เนื่องจากคดีนี้มีกลุ่มข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงส่งเรื่องให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาเพื่อชี้มูลความผิดตามขั้นตอนก่อน ซึ่งในช่วงปลายปี 2548 ป.ป.ช.ได้ส่งสำนวนการและผลการวินิจฉัยคดีความการครอบครองที่ดินป่าเขาสอยดาว ของกลุ่มนักธุรกิจและนายทุน ตามข้อกล่าวหาของกรมป่าไม้ ทั้งนี้ ป.ป.ช.วินิจฉัยว่าการครอบครองที่ดินของนักธุรกิจและนายทุนกล่มนี้มีมูลความผิดจริง

นายสุนทร วัชรกุลดิลก ผู้ทำคดีบุกรุกที่ดินเขาสอยดาว ได้นำเอกสาร 14 แฟ้ม รวมกว่า 2,000 หน้ากระดาษ มอบให้เจ้าพนักงานสอบสวนนำไปใช้ขยายผลการสอบสวนคดีนี้ ทั้งยังเชื่อมั่นว่ากลุ่มนักธุรกิจและนายทุนกลุ่มนี้จะต้องถูกดำเนินคดีแน่นอน เนื่องจากมีหลักฐานสำคัญที่จะอธิบายข้อเท็จจริงการได้มาซึ่งการครอบครองที่ดินที่ไม่ถูกกฎหมายอย่างชัดเจน

จนปัจจุบันคดีก็อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของอัยการจังหวัดจันทบุรี เรื่องนี้ ยังไม่ได้รับคำตอบจากอัยการ บอกยังสอบสวนไม่เสร็จ เรื่องก็ยังไม่ได้คืบหน้าเลย โดยยังค้างอยู่ในชั้นของอัยการจังหวัด ทั้งที่ส่งฟ้องไปตั้งแต่ปี 2546 ผ่านมาประมาณ 6 ปีแล้ว สำนวนยังดองคาอยู่ที่อัยการจังหวัดจันทบุรี

จากการสอบสวนเชิงลึก พบว่าการเข้าไปครอบครองที่ดินของกลุ่มนักธุรกิจและนายทุนกลุ่มนี้ ไม่ใช่ได้มาจากการกว้านซื้อที่ดินจากชาวบ้าน ตามที่ผู้ถูกกล่าวหาออกมาแก้ต่างแต่อย่างใด แต่เป็นลักษณะการเข้าไปครอบครองเฉยๆ และเตรียมที่จะทำการเดินเรื่องเพื่อขอให้หน่วยงานที่ดินในระดับพื้นที่ ออกเอกสารรับรองให้ดูเหมือนว่าการได้มาซึ่งที่ดินครั้งนี้ถูกกฎหมาย แต่ไม่สำเร็จเนื่องจากทางกรมป่าไม้มีหนังสือเข้าไประงับการออกเอกสารสิทธิเสียก่อน

เรื่องนี้มีหลักฐานชัดเจนเพราะจากการนำแผนที่แนบท้ายทั้งในประกาศคณะปฎิวัติ ฉบับที่ 200 ประกาศเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2515 และกฎกระทรวงฉบับที่ 97 (พ.ศ.2508) ประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาสอยดาว มาเปรียบเทียบก็พบว่า ที่ดินกว่า 300 ไร่ที่นักธุรกิจและนายทุนกลุ่มนี้เข้าไปครอบครองอยู่ เป็นพื้นที่อยู่ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว และเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาสอยดาว ซึ่งเป็นพื้นที่ว่างเปล่าไม่เคยมีการออกเอกสารสิทธิหรือโฉนดรับรองแต่อย่างใด และ ที่ดินอีกเกือบ 100 ไร่ ก็เป็นเขตพื้นที่ป่าไม้ถาวร ที่ไม่สามารถออกแอกสารสิทธิใดๆหรือโฉนดให้ได้ ถ้าจะบอกว่าได้มาถูกกฎหมายก็คงต้องตั้งคำถามกลับไปว่า ได้มาได้อย่างไร ใช้วิธีการอะไร และใครเป็นผู้ดำเนินการอยู่เบื้องหลัง

นอกจาก การครอบครองที่ดินโดยผิดกฎหมายกว่า 400 ไร่ดังกล่าวแล้ว ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่ออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ ซึ่งมีประมาณ 2 แปลง อยู่ระหว่างสอบสวนของคณะกรรมการที่ดินจังหวัดจันทบุรี ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน โดย 2 แปลงนี้ออกเป็นโฉนด เพราะมีการรวบรวม นส.3 ที่ซื้อมา มารวมกันเป็นแปลงเดียว ทั้งหมดมี 5 แปลง แต่ 2 แปลงนี้ผิดปกติ โดย 2 แปลงนี้มีประมาณพันไร่ คิดเป็น 1 ใน 4 ของสนามกอล์ฟ โดย 2 แปลงอยู่ระหว่างการสอบสวนอยู่ เป็นเรื่องของทางจังหวัดกำลังสอบสวนว่า ที่ดินทั้ง 2 แปลงนี้ได้มาชอบหรือไม่ เรื่องยังไม่จบ มีที่ดินจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ เป็นซีกของกระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบ

แต่ที่แน่ๆๆ การบุกรุกที่ดินเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว และป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาสอยดาว เพื่อนำพื้นที่ไปดำเนินการเป็นพื้นที่ที่จัดสร้างสนามกอล์ฟเขาสอยดาว และไม่สามารถนำผู้กระทำความผิดบุกรุก และออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบนั้น มี มหาอำมาตย์ใหญ่แห่งบ้านหลายเสา ที่ปรึกษาธนาคารกรุงเทพฯ มาเป็นประธานเปิดสนามกอล์ฟแห่งนี้ด้วยตนเอง

ถึงว่า คดีนี้จึงถูกดองยาวอยู่ที่ อัยการนานกว่า 6 ปี โดยไม่คืบหน้าไปไหนอีกเลย เหมือนการกระทำครั้งนี้ไม่มีความผิดเกิดขึ้น ทั้งที่การบุกรุก และออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ ทับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเและเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าของกลุ่มนายทุนมีเส้นกลุ่มนี้ มีผลสอบออกมาว่ามีความผิดชัดเจน.ในชั้นสอบสวนของกรมป่าไม้ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ

สาธุ....นี่หรือกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย


Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น