เมื่อเวลา 08.50 น.ของวันที่ 18 มกราคม 2553 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ไพศาล สังข์เทพ สารวัตรเวร สภ.เมืองสมุทรสาคร รับแจ้งเหตุมีการฆ่ากันตาย ภายในร้านอาหารตามสั่งข้างทางไม่มีชื่อเลขที่ อยู่บริเวณริมทางปากทางเข้าวัดป่าท่าทราย ม.5 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.ชัยชาญ ปุราธนานนท์ รอง ผกก.ป.สภ.เมืองสมุทรสาคร พ.ต.ท.ชัยกฤต โพธิ์อ๊ะ สว.สส.สภ.เมืองสมุทรสาครและเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร แพทย์จากโรงพยาบาลสมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานสมุทรสาคร
ที่เกิดเหตุอยู่ภายในห้องนอนของร้านดังกล่าว บนเตียงนอนพบรอยเลือดเปรอะนองเต็มไปหมด พบศพเด็กหญิงเอ ทองหยดย้อย อายุ 4 ปี สวมเสื้อสีเหลืองลายการ์ตูนห่มด้วยผ้าห่มลายทางข้างตัวมีขวดนมวางอยู่สภาพศพถูกของมีคมปาดเข้าที่ลำคอยาวประมาณ 5 ซม. ส่วนที่ใต้เตียงยังพบศพ นางภัทริยา ทองหยดย้อย อายุ 46 ปี สวมเสื้อสีเหลืองใส่ผ้าถุงลายดอก โดยผ้าถุงถกออกมาจนถึงต้นขา โดยมีบาดแผลถูกของมีคมฟันเข้าที่บริเวณหู และคอ คาดเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 ชั่วโมง
จากการสอบสวน นางสาววิภา น้อยเขียว อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 ม.2 ต.บ้านมุง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นพี่สาวของผู้ตายกล่าวว่า นางภัทริยา ผู้ตายนั้น ได้เปิดร้านขายอาหารตามสั่งและจะอยู่กับลูกสาวเพียงสองคน โดยเพิ่งแยกทางกับสามีไปได้ประมาณ 2 เดือนแล้ว ปกติตนจะมานอนเป็นเพื่อนอยู่ทุกคืน แต่วันเกิดเหตุปรากฏว่าตนต้องไปทำงานที่โรงงานเพราะต้องการโอที 2 แรง เลยบอกกับน้องสาวว่าคืนนี้ไม่ได้มานอนเป็นเพื่อนและเมื่อตนออกจากงานมาก็มาหาน้องที่ห้องร้านดังกล่าว ในช่วงเวลา 04.00 น.และได้ตะโกนเรียกแต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตูห้อง ตนจึงกลับไปบ้านก่อนเพราะเข้าใจว่าน้องสาวไปตลาดเพื่อซื้อของแต่พอช่วงเช้าตนก็มาอีกและได้เรียกไม่มีเสียงขานรับจึงได้ผลักประตูห้องเข้าไปพบว่าน้องสาวและหลานสาวถูกฆ่าตายจึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ
ทางด้าน พ.ต.ต.ชัยกฤต โพธิ์อ๊ะ สว.สส.สภ.เมืองสมุทรสาครกล่าวว่า จากการสืบสวนในเบื้องต้นคาดว่าอาจเป็นหนุ่มแรงงานต่างด้าวชาวพม่าคนใดคนหนึ่งซึ่งพักอาศัยและทำงานอยู่ในละแวกดังกล่าวเป็นจำนวนมาก เห็นผู้ตายนอนอยู่กับลูกสาวที่ยังเล็กอยู่ จึงฉวยโอกาสบุกเข้าไปในห้องหมายจะชิงทรัพย์หรือไม่ก็ข่มขืน ซึ่งผู้ตายต่อสู้ขัดขืนคนร้ายเลยใช้มีดปาดคอจนเสียชีวิต จากนั้นจึงฆ่าปิดปากลูกสาวอีกคนหนึ่ง และได้หลบหนีไปในความมืด ล่าสุด พล.ต.ต.สมเกียรติ แสงสินศร ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร ได้จัดชุดเฉพาะกิจขึ้นมาสอบสวนคดีนี้เป็นพิเศษเนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญ และจะเร่งติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป ...
ภาพ/ข่าวโดย : เมธา จันทร์สอาด
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์
ที่เกิดเหตุอยู่ภายในห้องนอนของร้านดังกล่าว บนเตียงนอนพบรอยเลือดเปรอะนองเต็มไปหมด พบศพเด็กหญิงเอ ทองหยดย้อย อายุ 4 ปี สวมเสื้อสีเหลืองลายการ์ตูนห่มด้วยผ้าห่มลายทางข้างตัวมีขวดนมวางอยู่สภาพศพถูกของมีคมปาดเข้าที่ลำคอยาวประมาณ 5 ซม. ส่วนที่ใต้เตียงยังพบศพ นางภัทริยา ทองหยดย้อย อายุ 46 ปี สวมเสื้อสีเหลืองใส่ผ้าถุงลายดอก โดยผ้าถุงถกออกมาจนถึงต้นขา โดยมีบาดแผลถูกของมีคมฟันเข้าที่บริเวณหู และคอ คาดเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 ชั่วโมง
จากการสอบสวน นางสาววิภา น้อยเขียว อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17 ม.2 ต.บ้านมุง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นพี่สาวของผู้ตายกล่าวว่า นางภัทริยา ผู้ตายนั้น ได้เปิดร้านขายอาหารตามสั่งและจะอยู่กับลูกสาวเพียงสองคน โดยเพิ่งแยกทางกับสามีไปได้ประมาณ 2 เดือนแล้ว ปกติตนจะมานอนเป็นเพื่อนอยู่ทุกคืน แต่วันเกิดเหตุปรากฏว่าตนต้องไปทำงานที่โรงงานเพราะต้องการโอที 2 แรง เลยบอกกับน้องสาวว่าคืนนี้ไม่ได้มานอนเป็นเพื่อนและเมื่อตนออกจากงานมาก็มาหาน้องที่ห้องร้านดังกล่าว ในช่วงเวลา 04.00 น.และได้ตะโกนเรียกแต่ก็ไม่มีใครมาเปิดประตูห้อง ตนจึงกลับไปบ้านก่อนเพราะเข้าใจว่าน้องสาวไปตลาดเพื่อซื้อของแต่พอช่วงเช้าตนก็มาอีกและได้เรียกไม่มีเสียงขานรับจึงได้ผลักประตูห้องเข้าไปพบว่าน้องสาวและหลานสาวถูกฆ่าตายจึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ
ทางด้าน พ.ต.ต.ชัยกฤต โพธิ์อ๊ะ สว.สส.สภ.เมืองสมุทรสาครกล่าวว่า จากการสืบสวนในเบื้องต้นคาดว่าอาจเป็นหนุ่มแรงงานต่างด้าวชาวพม่าคนใดคนหนึ่งซึ่งพักอาศัยและทำงานอยู่ในละแวกดังกล่าวเป็นจำนวนมาก เห็นผู้ตายนอนอยู่กับลูกสาวที่ยังเล็กอยู่ จึงฉวยโอกาสบุกเข้าไปในห้องหมายจะชิงทรัพย์หรือไม่ก็ข่มขืน ซึ่งผู้ตายต่อสู้ขัดขืนคนร้ายเลยใช้มีดปาดคอจนเสียชีวิต จากนั้นจึงฆ่าปิดปากลูกสาวอีกคนหนึ่ง และได้หลบหนีไปในความมืด ล่าสุด พล.ต.ต.สมเกียรติ แสงสินศร ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร ได้จัดชุดเฉพาะกิจขึ้นมาสอบสวนคดีนี้เป็นพิเศษเนื่องจากเป็นคดีสะเทือนขวัญ และจะเร่งติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป ...
ภาพ/ข่าวโดย : เมธา จันทร์สอาด
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น