โดยมีการแสดงยิงฉับพลัน การสาธิตการลาดตระเวนระดับหมู่รบ การสาธิตช่วยเหลือตัวประกันของทหารนาวิกโยธิน สังกัดกองรักษาความปลอดภัยฐานทัพเรือพังงา และการแสดงจากดุริยางค์ทหารเรือ ฐานทัพเรือพังงา ทัพเรือภาคที่ 3 ก่อนที่จะมีพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล ด้วยกำลังหน่วยทหารที่เข้าร่วมกระทำพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล จำนวน 3 กองร้อย โดยมีกำลังพลได้จัดจาก ร้อย.บก.ทรภ.3 กอง รปภ.ฐท.พง.ทรภ.3 และ พัน.สอ.22 กรม สอ.2 สอ.รฝ. เนื่องในวันกองทัพไทย ประจำปี 2553 ในส่วนกองทัพเรืออย่างเป็นทางการ
นาวาตรี วีระพล สังข์พิชัย ผู้บังคับกองพันสวนสนาม กล่าวนำปฎิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลร่วมกับข้าราชการในสังกัด ว่าจักยอมตายเพื่ออิสรภาพ และความสงบแห่งประเทศชาติ จักอยู่ในศีลธรรมของศาสนา จักเทิดทูนและรักษาไว้ ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า จักรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จักเชื่อถือผู้บังคับบัญชา และปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ทั้งจักปกครองผู้ใต้บังคับบัญชา ด้วยความยุติธรรม
ทางด้าน พลเรือโท ชุมนุม อาจวงษ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ประธานในพิธีได้อ่านโอวาทของ พลเอก ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ขอให้ทหารทุกคนยึดมั่นในความดีมีระเบียบวินัย ถือเกียรติศักดิ์ กล้าหาญ เสียสละ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม เป็นแบบอย่างอันดีแก่สังคม น้อมนำพระบรมราโชวาทที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานไว้ว่า ให้ทหารทุกตนและชาวไทยทุกหมู่เหล่า ตั้งมั่นอยู่ในความสุจริต ลดละอคติ สร้างเสริมความเมตตาสามัคคี ในกันและกันไม่ว่าทำการสิ่งใดให้ยึดเอาความมั่นคงปลอดภัยของชาติเป็นเป้าหมายสูงสุดในการปฏิบัติหน้าที่ของเราตลอดไป
ตามที่กระทรวงกลาโหมได้เปลี่ยนแปลงวันกองทัพไทย จากวันที่ 25 มกราคม เป็นวันที่ 18 มกราคม เพื่อให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2549 ที่กำหนดให้วันที่ 18 มกราคม ของทุกปี เป็นวันยุทธหัตถีและวันรัฐพิธี แทนวันที่ 25 มกราคม เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันที่ สมเด็จพระนเรศวร วีรกษัตริย์สมัยกรุงศรีอยุธยา ได้รับชัยชนะในการกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา อย่างสมพระเกียรติและสง่างาม เมื่อวันแรม 2 ค่ำ เดือน 2 จุลศักราช 954 ซึ่งตรงกับวันที่ 18 มกราคม พ.ศ.2135 ด้วยพระปรีชาสามารถและความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของประองค์ จนสามารถเอาชนะข้าศึกษาด้วยพระองค์เองได้ในขณะที่ตกอยู่ในวงล้อมของข้า ศึกเพียงลำพัง ซึ่งเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ชาติไทย
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กองทัพไทยได้มีวิวัฒนาการอย่างไม่หยุดยั้ง กองทัพบก เป็นกำลังหลักที่สำคัญของชาติทั้งในอดีตและปัจจุบัน กองทัพเรือเป็นกำลังหลักในการป้องกันอธิปไตยและคุ้มครองผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และกองทัพอากาศ ทำหน้าที่ปกป้องน่านฟ้า ทุกเหล่าทัพต่างปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันในการป้องกันอธิปไตยของชาติ โดยมีกองบัญชาการทหารสูงสุด ทำหน้าที่ควบคุมบังคับบัญชา และประสานงานระหว่างเหล่าทัพทั้งสามให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างอย่างต่อเนื่อง และเมื่อถึงวันนี้ของทุกปี ทหารทุกเหล่าทัพจะประกอบพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงวีรกรรมของวีรกษัตริย์ไทย รวมทั้งบรรพบุรุษไทยผู้กล้าทั้งหลาย ที่เสียสละรักษาผืนแผ่นดินไทยให้ตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน ...
ภาพข่าวโดย : พ.จ.อ.รุ่งอรุณ อินทวงศ์
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น