วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2553

คลอดแล้วโยกย้ายตำรวจภาค 8 หลังยื้อกันพักใหญ่

ในที่สุดการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ สังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 ก็จบสิ้นลงเป็นที่เรียบร้อย เมื่อ พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 ได้ลงนามในคำสั่ง จำนวน 2 ฉบับ มีการแต่งตั้งโยกย้ายทั้งสิ้นรวม 224 ตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2553 ดังนี้

คำสั่ง ตำรวจภูธรภาค 8 ที่ 29/2553 ลงวันที่ 27 มกราคม 2553

เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ จำนวน 64 ราย

คำสั่ง ตำรวจภูธรภาค 8 ที่ 30/2553 ลงวันที่ 27 มกราคม 2553
เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ จำนวน 160 ราย

สำหรับในส่วนของจังหวัดภูเก็ต มีตำแหน่งสำคัญๆ ที่มีการโยกย้ายในครั้งนี้ คือ

1. พ.ต.อ.ปวีณ พงศ์สิรินทร์
รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ย้ายไปเป็น "รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี"

2. พ.ต.อ.ชินรัตน์ ฤทธาคณานนท์
ผกก.สภ.ฉลอง จว.ภูเก็ต ย้ายไปเป็น "รอง ผบก.ภ.จว.กระบี่"

3. พ.ต.อ.พรศักดิ์ นวนหนู
ผกก.สภ.เมืองสุราษฎ์ธานี ย้ายมาเป็น "รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต"

4. พ.ต.อ.พีรยุทธ การะเจดีย์
ผกก.ฝอ.ภ.จว.ภูเก็ต ย้ายเป็น "รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต"

5. พ.ต.อ.กฤษศักดิ์ สงมูลนาค
ผกก.สภ.กะทู้ จว.ภูเก็ต ย้ายไปเป็น "ผกก.สภ.คุระบุรี จว.พังงา"

6. พ.ต.อ.ไกรทอง จันทร์ทองใบ
ผกก.สภ.สุขสำราญ จว.ระนอง ย้ายมาเป็น "ผกก.สภ.ทุ่งทอง จว.ภูเก็ต"

7. พ.ต.อ.สมศักดิ์ แก้วมี
ผกก.สภ.กมลา จว.ภูเก็ต ย้ายไปเป็น "ผกก.สภ.เมืองพังงา"

8. พ.ต.อ.เอกวุฒิ เสน่ห์พร
ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.8 ย้ายมาเป็น "ผกก.กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต"

9. พ.ต.ท.ชาณุชาญ ชลสุวัฒน์
รอง ผกก.ฝอ.ภ.จว.ภูเก็ต ย้ายเป็น "ผกก.ฝอ.ภ.จว.ภูเก็ต"

10. พ.ต.ท.นรินทร์ สังข์แก้ว
รอง ผกก.สส.สภ.เชิงทะเล จว.ภูเก็ต ย้ายไปเป็น "ผกก.ฝอ.9 บก.อก.ภ.8"

11. พ.ต.ท.พงศวัชร์ ขวัญชัยพฤกษ์
รอง ผกก.ปป.สภ.เชิงทะเล จว.ภูเก็ต ย้ายเป็น "ผกก.สภ.กมลา จว.ภูเก็ต"

12. พ.ต.ท.วิชิต อินทรศร
รอง ผกก.ปป.สภ.ท่าฉัตรไชย จว.ภูเก็ต ย้ายเป็น "ผกก.สภ.ฉลอง จว.ภูเก็ต"

13. พ.ต.ท.วีรวัฒน์ จันทรวิจิตร
รอง ผกก.สส.สภ.กะทู้ จว.ภูเก็ต ย้ายไปเป็น "ผกก.สภ.ปลายพระยา จว.กระบี่"

14. พ.ต.ท.เสริมพันธุ์ ศิริคง
รอง ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต ย้ายไปเป็น "ผกก.กกสส.ภ.จว.ชุมพร"

15. พ.ต.ท.ทัศนัย โอฬาริกเดช
พงส.(สบ.3) กลุ่มงาน สส.บก.ปปป.บช.ก. ย้ายมาเป็น "รอง ผกก.ปป.สภ.ทุ่งทอง จว.ภูเก็ต"

16. พ.ต.ท.ประสาน กิจบรรทัด
รอง ผกก.ฝอ.ภ.จว.ภูเก็ต ย้ายไปเป็น รอง ผกก.ฝอ.6 บก.อก.ภ.8"

17. พ.ต.ท.ปรัชญา จันทร์สมวงศ์
รอง ผกก.จร.สภ.เมืองนครศรีฯ ย้ายมาเป็น "รอง ผกก.ปป.สภ.กะทู้ จว.ภูเก็ต"

18. พ.ต.ท.ศักดิ์ชาย ผะอบเพ็ชร์
พงส.(สบ.3) สภ.เมืองภูเก็ต ย้ายไปเป็น "รอง ผกก.สส.สภ.ปากน้ำ จว.ระนอง"

19. พ.ต.ท.ศิริวัฒน์ อินทร์ยิ้ม
พงส.(สบ.3) สภ.กมลา จว.ภูเก็ต ย้ายไปเป็น "รอง ผกก.สส.สภ.โคกกลอย จว.พังงา"

20. พ.ต.ท.เสกสันต์ แก้วสว่าง
รอง ผกก.ปป.สภ.กะทู้ จว.ภูเก็ต ย้ายไปเป็น "สวญ.สภ.นาสัก จว.ชุมพร"

21. พ.ต.ท.เชษฐพันธ์ วิชัยดิษฐ์
สว.กก.สส.ภ.จว.พังงา ย้ายมาเป็น "รอง ผกก.ปป.สภ.ท่าฉัตรไชย จว.ภูเก็ต"

22. พ.ต.ท.เชาว์ ผอมนะ
สวป.สภ.กะเปอร์ จว.ระนอง ย้ายมาเป็น "รอง ผกก.ปป.สภ.เชิงทะเล จว.ภูเก็ต"

23. พ.ต.ท.ณัฐวิทย์ โอทอง
สวป.สภ.ทุ่งทอง จว.ภูเก็ต ย้ายเป็น "รอง ผกก.ฝอ.ภ.จว.ภูเก็ต"

24. พ.ต.ท.ลักษณาวงศ์ รำแพนสุวรรณ
สวป.สภ.คุระบุรี ย้ายมาเป็น "รอง ผกก.ฝอ.ภ.จว.ภูเก็ต"

25. พ.ต.ท.วันชัย พุทธานุ
สวป.สภ.เชิงทะเล จว.ภูเก็ต ย้ายไปเป็น "รอง ผกก.ฝอ.4 บก.อก.ภ.8"

26. พ.ต.ท.ประวิทย์ สุทธิเรืองอรุณ
สวป.สภ.เมืองภูเก็ต ย้ายไปเป็น "สวป.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี"

27. พ.ต.ท.พงศ์นรินทร์ สุทิน
สว.กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต ย้ายไปเป็น "สว.สส.สภ.เมืองพังงา"

28. พ.ต.ท.พิทักษ์พล สมพงษ์
พงส.(สบ.2) สภ.เมืองภูเก็ต ย้ายไปเป็น "สว.สส.สภ.ไชยา จว.สุราษฎร์ธานี"

29. พ.ต.ท.วิรัตน์ อุ่นนวล
สวป.สภ.กะทู้ จว.ภูเก็ต ย้ายไปเป็น "สว.สส.สภ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช"

30. พ.ต.ท.สานิช หนูคง
สวป.สภ.ถลาง จว.ภูเก็ต ย้ายไปเป็น "สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.ภ.8"

31. พ.ต.ท.เสริม ขวัญนิมิตร
พงส.(สบ.2) สภ.กะทู้ จว.ภูเก็ต ย้ายไปเป็น "สว.สภ.โมถ่าย จว.สุราษฎร์ธานี"

32. พ.ต.ท.อกนิษฐ์ ด่านพิทักษ์ศาสตร์
สวป.สภ.เมืองชุมพร ย้ายมาเป็น "สวป.สภ.กะทู้ จว.ภูเก็ต"

33. พ.ต.ต.จรัญ บุญโสภาพ
สว.สส.สภ.ตลาดใหญ่ จว.พังงา ย้ายมาเป็น "สวป.สภ.เมืองภูเก็ต"

34. พ.ต.ต.ปรุฬห์ชัย เหมกัง
สวป.สภ.กะทู้ จวภูเก็ต ย้ายไปเป็น "สว.สส.สภ.ช้างกลาง จว.นครศรีฯ"

35. พ.ต.ต.หญิง หทัยกาญจน์ แสนโส
สว.อก.สภ.ประจักษ์ศิปาคม จว.อุดรธานี ย้ายมาเป็น "สว.ฝอ.ภ.จว.ภูเก็ต"

36. ร.ต.อ.ธีระวุฒิ เทพเลื่อน
รอง สวป.สภ.ฉลอง จว.ภูเก็ต ย้ายไปเป็น "สว.กก.สส.ภ.จว.นครศรีฯ"

37. ร.ต.อ.นพดล หนูไชยา
รอง สว.จร.สภ.เมืองภูเก็ต ย้ายไปเป็น "สวป.สภ.กะเปอร์ จว.ระนอง"

38. ร.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา
รอง สว.กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต ย้ายเป็น "สว.กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต"

39. ร.ต.อ.ประมวล จ่ายกระโทก
รอง สว.จร.สภ.เมืองพังงา ย้ายมาเป็น "สวป.สภ.ทุ่งทอง จว.ภูเก็ต"

40. ร.ต.อ.ผดุงพงศ์ ดุกสุขแก้ว
รอง สวป.สภ.กะทู้ จว.ภูเก็ต ย้ายเป็น "สวป.สภ.เชิงทะเล จว.ภูเก็ต"

ที่มา : กองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

ภูเก็ตเกินเป้า..บวชธรรมทายาท 118 รูป

เมื่อเวลา 07.00 น วันนี้ (31 ม.ค.) ที่บริเวณถนนนริศร ด้านหน้า วัดวิชิตสังฆาราม (วัดควน) อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอุปสมบทหมู่ 100,000 รูป ทุกหมู่บ้านทั่วไทย จังหวัดภูเก็ต โดยมีชาวพุทธเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

นายธีรยุทธ เอี่ยมตระกูล รอง ผวจภูเก็ต เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากปัจจุบันความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสังคมในปัจจุบัน ได้ส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมาย ทั้งปัญหาครอบครัว ปัญหาอาชญากรรม ปัญหายาเสพติด ปัญหาเด็กและเยาวชน ซึ่งปัญหาต่างๆ เหล่านี้มีต้นตอมาจากความเสื่อมทางศีลธรรมในสังคม ทางคณะสงฆ์ทั่วประเทศพร้อมด้วยคณะกรรมาธิการศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร วัดพระธรรมกาย และหน่วยงานราชการกว่า 20 องค์กร จึงได้ร่วมกันจัดทำโครงการอุปสมบทหมู่ 100,000 รูป ทุกหมู่บ้านทั่วไทย ขึ้น ระหว่างวันที่ 19 มกราคม - 8 กุมภาพันธ์ 2553 เพื่อสร้างพระภิกษุสงฆ์ให้เกิดขึ้นทั่วผืนแผ่นดินไทยและเพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ได้เป็นกำลังสำคัญในการทำหน้าที่ฟื้นฟูศีลธรรมในสังคม และสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตมีผู้สมัครเข้าร่วมอุปสมบทครั้งนี้จำนวน 118 รูป ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ 100 รูป เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าสังคมภูเก็ตแม้จะมีความหลากหมายทางด้านวัฒนธรรมประเพณีมีความเจริญก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจสูงก็ตาม แต่จิตใจของคนภูเก็ตก็ยังเคารพและศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างมั่นคงสืบมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน โดยในวันนี้เป็นการเปิดโครงการและทำพิธีขอขมา มอบผ้าไตร จากผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมสนับสนุนโครงการ จากนั้นก็จะนำนาคธรรมทายาทแห่รอบเมือง ส่วนการอุปสมบทจะมีขึ้นในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2553 ตามวัดต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต ...

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2553

เบี้ยวจริงๆ

เขียนโดย : แม่ลูกจันทร์ วันเสาร์ที่ 30 มกราคม 2553 เวลา 05.00 น.

วิกฤติเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดนาข้าวกว่าแปดแสนไร่ ทำให้พี่น้องชาวนาหมดเนื้อหมดตัวไปกว่าหนึ่งแสนราย ถือเป็นวิบัติภัยที่สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างร้ายแรง

"แม่ลูกจันทร์" เห็นว่าวิกฤติเพลี้ยกระโดดระบาดเป็นปัญหาใหญ่ที่ "นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ควรกระโดดลงไป ดูแลด้วยตัวเอง

เพราะถ้าปล่อยให้กระทรวงเกษตรฯแก้ปัญหาไปตามลำพังอาจจะสายเกินการ ??

เช่นเดียวกับวิกฤติแก้รัฐธรรมนูญที่ "นายกฯอภิสิทธิ์" ประกาศหักดิบไม่ร่วมสังฆกรรมแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ประเด็น ของ 5 พรรคร่วมรัฐบาล สร้างความเจ็บปวดแก่บรรดาเพลี้ยกระโดดการเมืองอย่างจั๋งหนับบุเรงนอง

นี่ก็เป็นปัญหาใหญ่ที่ "นายกฯอภิสิทธิ์" ต้องวางแผนรับมือให้ดี เพราะเพลี้ยกระโดดในสภาฯปราบยากกว่าเพลี้ยกระโดดในท้องนาหลายเท่าตัว

ข้อสำคัญ การที่ "นายกฯอภิสิทธิ์" ขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญ มีผลกระทบต่ออนาคตของ 5 พรรคร่วมรัฐบาลอย่างแน่นอน

เพราะถ้าแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จ การเลือกตั้งครั้งต่อไปก็ต้องใช้ ระบบ "เขตใหญ่" ตามกติกาเดิม การเลือกตั้งเขตใหญ่เป็นกติกาที่ออกแบบให้พรรคใหญ่ได้เปรียบพรรคขนาดกลางและพรรคขนาดเล็กทุกประตู

เพราะเมื่อเขตเลือกตั้งใหญ่โอกาสที่พรรคเล็กๆ จะเบียดแทรกเข้ามาได้ก็ยิ่งลำบากยากเย็น แต่ถ้าเป็นระบบเขตเล็ก พื้นที่หาเสียงเล็กๆ ผู้สมัครพรรคเล็กยังสู้กับผู้สมัครพรรคใหญ่ได้คู่คี่สูสีกัน การแก้ไขระบบเลือกตั้งจึงมีความสำคัญต่อ 5 พรรคร่วมรัฐบาลด้วยประการฉะนี้แล


อย่างไรก็ตาม การที่ "นายกฯอภิสิทธิ์" กล้าดับเครื่องชนพรรคร่วมรัฐบาลทำให้ภาวะผู้นำของ "อภิสิทธิ์" มีความโดดเด่นมากกว่าที่ผ่านมา แถมการแข็งกร้าวของ "อภิสิทธิ์" ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลไร้อำนาจต่อรองอย่างสิ้นเชิง ถือว่างานนี้ "อภิสิทธิ์" ได้คะแนนบวกไปเต็มๆ

แต่ในมุมของพรรคร่วมรัฐบาลคือพรรคประชาธิปัตย์ "เบี้ยว" สัญญา


เพราะเงื่อนไขสำคัญในการเจรจาตั้งรัฐบาลคือประเด็นแก้รัฐธรรมนูญ เปลี่ยนกติกาเลือกตั้งจากเขตใหญ่เรียงเบอร์เป็น เขตเดียวเบอร์เดียว

แต่ "นายกฯอภิสิทธิ์" ยืนยันนั่งยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยสัญญาว่าจะแก้รัฐธรรมนูญจากเขตใหญ่เป็นเขตเล็ก อย่างที่พรรคร่วมฯโจมตี

"อภิสิทธิ์" ท้าเหย็งๆ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ตกลงจะแก้รัฐธรรมนูญประเด็นนี้จริง ให้เอาหลักฐานมายืนยัน

"แม่ลูกจันทร์" พลิกแฟ้มข่าวย้อนหลัง ก็บังเอิญเจอใบเสร็จเข้าเต็มเปา !!


หนังสือพิมพ์ประจำวันที่ 17 กันยายน 2552 พาดหัวว่า "สุเทพ" ย้ำข้อตกลงพรรคร่วมแก้ รธน. 2 มาตรา " นายสุเทพ กล่าวว่า การหารือใน พรรคประชาธิปัตย์มี 2 ประเด็นที่สอดคล้องกับพรรคต่างๆ และเห็นว่าสามารถแก้ไขได้เลยคือ มาตรา 190 ว่าด้วยการทำสนธิ สัญญาต่างประเทศ และการแก้ไขเขตเลือกตั้ง ฯลฯ"

ถ้าแค่นี้ยังไม่พอ ก็ต้องพลิกข่าวย้อนหลังไปอีก 10 วัน


น.ส.พ.ฉบับวันที่ 7 กันยายน 2552 ลงข่าว "นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม" รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวความคืบหน้าการแก้รัฐธรรมนูญ "เบื้องต้นพรรค (ประชาธิปัตย์) มีความเห็น ให้แก้รัฐธรรมนูญใน 2 มาตรา คือ มาตรา 190 การทำสัญญาระหว่างประเทศ และการเปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้ง ส.ส.มาเป็นแบบเขตเดียวเบอร์เดียว ซึ่งพรรคเห็นว่าสามารถแก้ไขได้เลย"

จากวันนั้นถึงวันนี้ ก็ผ่านไปแค่ 5 เดือน...พรรคประชาธิปัตย์เป็นโรคความจำสั้นซะแล้วไง ??


ที่มา : http://www.thairath.co.th/column/pol/greenhead/61777
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

สุดอนาถ...เด็กชายวัย 7 ขวบตกหนองน้ำดับ

เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.วันนี้ (30 ม.ค.) พ.ต.ท.พิทักษ์พล สมพงศ์ สารวัตรเวร สภ.เมืองภูเก็ตได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าเกิดเหตุเด็กวัย 7 ขวบตกหนองน้ำภายในซอยนิมิต 1 หมู่ 5 ถ.เจ้าฟ้าตะวันตก ต.วิชิต อ.เมืองสูญหายไป จึงพร้อมด้วยนักประดาน้ำมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตรุดไปตรวจสอบและค้นหา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เกิดเหตุเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ที่เพิ่งมีการขุดขึ้นใหม่อยู่สุดซอย เมื่อไปถึงพบชาวบ้านเป็นจำนวนมากกำลังวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่โดยรอบหนองน้ำ จากนั้นนักประดาน้ำและชาวบ้านได้ช่วยกันลงค้นหาใช้เวลากว่า 30 นาที จนกระทั่งพบร่าง ด.ช.ถิฐิพงษ์ หรือ น้องทาโร่ จันทร์มณี อายุ 7 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79/87 ซ.นิมิตร ถ.เจ้าฟ้าตะวันตก ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีส้ม นุ่งกางเกงขาสั้นสีขาวลายตัวการ์ตูนนอนแน่นิ่งอยู่ก้นหนองน้ำในความลึกราว 3 เมตร นักประดาน้ำจึงนำศพขึ้นมา โดยมี นายสุดใส จันทร์มณี อายุ 32 ปีและ นางปานุจิรา พงนาราษ อายุ 23 ปีพ่อและแม่ร่ำไห้แทบขาดใจ เมื่อเห็นร่างลูกชายวัยกำลังน่ารักไร้วิญญาณ จากนั้นได้นำศพส่งชันสูตรที่ รพ.วชิระภูเก็ต เพื่อหาสาเหตุการตายที่แน่ชัดอีกครั้ง


จากการสอบถาม ด.ช.แดง นามสมมุติ อายุ 8 ปีเพื่อนของ ด.ช.ถิฐิพงษ์เล่าให้ฟังว่าก่อนเกิดเหตุได้มาเล่นน้ำที่บริเวณลำธารข้างหนองน้ำกับ ด.ช.ถิฐิพงษ์เพียง 2 คน จากนั้นตนเองได้ขอตัวกลับบ้านก่อน ส่วน ด.ช.ถิฐิพงษ์ไม่ยอมกลับยังคงเล่นน้ำอยู่ที่ลำธาร จนเวลาล่วงเลยมากว่าครึ่งชั่วโมง ตนเองยังไม่เห็น ด.ช.ถิฐิพงษ์กลับบ้าน จึงได้ย้อนกลับมาดู ปรากฎว่าเห็น ด.ช.ถิฐิพงษ์ยืนอยู่บริเวณเนินดินริมหนองน้ำและลื่นตกลงไปยังหนองน้ำ จึงวิ่งมาบอกชาวบ้านใกล้เคียงเพื่อไปช่วยเหลือ แต่เมื่อไปถึงหนองน้ำไม่พบ ด.ช.ถิฐิพงษ์แล้ว มีแต่รองเท้าแตะวางอยู่ริมหนองน้ำ จนกระทั่งนักประดาน้ำงมร่าง ด.ช.ถิฐิพงษ์ขึ้นมาจากก้นหนองน้ำได้ในที่สุด ...

ภาพข่าวโดย : กอล์ฟ ไทยรัฐ
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันที่ 30 ม.ค. 2553

ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันที่ 30 มกราคม 2553
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

ตำรวจน้ำช่วยนักท่องเที่ยว 6 ชีวิตกลางทะเลอันดามัน

ตำรวจน้ำภูเก็ตช่วย นทท.ต่างชาติ 6 ชีวิตกลับเข้าฝั่งปลอดภัย หลังเช่าเรือออกไปตกปลากลางอันดามันเกิดเครื่องยนต์ขัดข้องห่างจากหาดกมลาราว 18 ไมล์ทะเล...

เมื่อเวลา 08.30 น.วันนี้ (30 ม.ค.) พ.ต.ท.วัลลพ พวงพกา สว.ส.รน.ภูเก็ต เปิดเผยว่าเมื่อเวลา 01.20 น.วันที่ 30 ม.ค.ได้รับแจ้งจากลูกเรือตกปลา "บลูชาร์ค" ซึ่งเป็นเรือไฟเบอร์ยาว 12 เมตร วางเครื่องยนต์กลางเรือว่า เรือได้เกิดขัดข้องเครื่องยนต์เสียกะทันหัน หลังจากได้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเช่าออกไปตกปลากลางทะเลอันดามันบริเวณหน้าอ่าวกมลา ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต โดยเรือลอยลำอยู่ท่ามกลางเกลียวคลื่นที่กรรโชกตลอดเวลา

จากนั้นได้สั่งให้นำเรือตรวจการณ์ 524 ซึ่งมี ร.ต.อ.อนุพันธ์ สมบูรณ์ รอง.สว.ส.รน.ภูเก็ต นำเรือออกค้นหาและให้การช่วยเหลือ โดยใช้เวลาเดินทางกว่า 4 ชม. เนื่องจากเรือต้องแล่นอ้อมแหลมพรหมเทพ ต.ราไวย์ อ.เมือง เพื่อมุ่งหน้าไปยังอ่าวกมลา ต.กมลา โดยพบเรือบลูชาร์คลอยลำอยู่บริเวณจุดดังกล่าว ห่างจากหาดกมลา ต.กมลา อ.กะทู้ราว 18 ไมล์ทะเล ลูกเรือทั้ง 6 ปลอดภัย และจะลากเรือกลับเข้าฝั่งที่ชายหาดกมลา
ต่อมาเมื่อเวลา 11.45 น.ของวันเดียวกัน เรือตรวจการณ์ตำรวจน้ำภูเก็ต 524 ได้ลากเรือบลูชาร์ค ซึ่งเป็นเรือไฟเบอร์ยาว 12 เมตรขนาดชั้นเดียว โดยมีกระโดงเดียวคล้ายเรือใบ แต่เป็นเรือให้เช่าตกปลาได้ถูกลากมาลอยลำที่หน้าอ่าวกมลา ต.กมลา อ.กะทู้ จากนั้น นายโปโล ไม่ทราบนามสกุล อายุ 56 ปีชาวฝรั่งเศส และ นางอารุณี ศรีศิล อายุ 29 ปีสองสามีภรรยาได้นั่งเรือยางขึ้นฝั่ง ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติอีก 4 คนรอซ่อมเครื่องยนต์ที่ขัดข้องให้ใช้งานได้ และจะออกเรือไปตกปลาอีกครั้ง

นางอารุณีเปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนเองพร้อมด้วยสามีและเพื่อนๆ ชาวต่างชาติอีก 4 คนได้เช่าเรือลำดังกล่าวออกไปตกปลากันที่หน้าอ่าวกมลา ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ตกัน จนกระทั่งเวลา 01.00 น.วันที่ 30 ม.ค.พวกเรากำลังจะกลับเข้าฝั่ง แต่เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์อยู่พักใหญ่ เครื่องยนต์กลับไม่ติด จึงได้โทรแจ้งตำรวจน้ำภูเก็ต เพื่อขอความช่วยเหลือ จนเรือตรวจการณ์ลำดังกล่าวพบพวกเรากำลังลอยลำอยู่กลางทะเล ห่างจากหาดกมลาราว 18 ไมล์ทะเล เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น.ของวันเดียวกัน ซึ่งต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำภูเก็ตด้วยที่ช่วยเหลือและลากเรือกลับเข้าฝั่งได้อย่างปลอดภัย ...

ภาพข่าวโดย : กอล์ฟ ไทยรัฐ
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ เยี่ยมชมภูเก็ตแฟนตาซี

ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต พร้อมครอบครัว เข้าเยี่ยมชมภูเก็ตแฟนตาซี และเข้าชมภัตตาคารซีฟู๊ดหรูหราใหม่ล่าสุด "สุริยมาส" และร่วมท่องป่าชมสัตว์ในรูปแบบของ เธียตริคอล ซาฟารี "ไทเกอร์ จังเกิ้ล แอดเวนเจอร์" ก่อนเข้าชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยประยุกต์ที่ผสานเทคโนโลยีระดับโลก อันน่าตะลึงกับเทคนิคอิลลูชั่นมิติมายากลลวงตายิ่งใหญ่ "มหัศจรรย์กมลา" ณ โรงละคร วังไอยรา ภูเก็ตแฟนตาซี หาดกมลา เมื่อเร็วๆ นี้

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2553

คลอดแล้วโยกย้ายตำรวจภาค 9 จำนวน 195 ตำแหน่ง

ในที่สุดการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ สังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 ก็จบสิ้นลงเป็นที่เรียบร้อย เมื่อ พล.ต.ท.วีระยุทธ สิทธิมาลิก ได้ลงนามในคำสั่ง จำนวน 3 ฉบับ มีการแต่งตั้งโยกย้ายทั้งสิ้นรวม 195 ตำแหน่ง ดังนี้

คำสั่ง ตำรวจภูธรภาค 9 ที่ 27/2553

เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ จำนวน 161 ราย

คำสั่ง ตำรวจภูธรภาค 9 ที่ 28/2553

เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ จำนวน 27 ราย

คำสั่ง ตำรวจภูธรภาค 9 ที่ 29/2553

เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการตำรวจ จำนวน 8 ราย

ที่มา : กองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

บรรยากาศผู้ชุมนุมบริเวณหน้า บก.ทบ.วันนี้


Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

ตะลึง...พบซาก"เต่ากระ"ลอยเกยตื้นสะพานหิน

ชาวบ้านแจ้งศูนย์วิจัยฯ หลังซากเต่ากระหนักกว่า 30 กก.ถูกคลื่นซัดเกยหาดภูเก็ต นักวิชาการคาดถูกอวนบาดตายกลางอันดามัน...

เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (29 ม.ค.) นางกาญจนา อดุลยานุโกศล หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน ได้รับแจ้งจากหน่วยกู้ชีพมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตว่า พบซากเต่าขนาดใหญ่ตายและถูกคลื่นซัดลอยมาเกยชายหาดปลายแหลมสะพานหิน ถ.ภูเก็ต ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต จึงเดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ

จากการตรวจสอบพบซากเต่ากระขนาดใหญ่ ยาว 72 ซม.กว้าง 66 ซม.เพศเมีย น้ำหนัก 32 กก.อายุราว 30 ปี มีสภาพเริ่มเน่าได้ถูกคลื่นซัดเกยชายหาด โดยพบบาดแผลเน่าเปื่อยที่ขาขวาหลัง ที่บริเวณใต้ท้องมีฝากระดองหายไป 3 แผ่น ส่วนที่ปากมีบาดแผลเน่าเช่นเดียวกัน คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 วัน จากนั้นได้นำซากเต่ากระกลับไปยังสถาบันฯ เพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายที่แน่ชัด

เบื้องต้นคาดว่าอาจถูกเครื่องมือประมง เช่น อวนหรือติดเบ็ดราวที่ชาวประมงวางดักปลาไว้บาดที่ขาขวาหลังจนเป็นแผลเน่าเปื่อยและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ จมน้ำตายในที่สุด จนกระทั่งถูกคลื่นซัดเข้ามาเกยหาดดังกล่าว ...

ภาพข่าวโดย : กอล์ฟ ไทยรัฐ
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันที่ 29 ม.ค. 2553

ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันที่ 29 มกราคม 2553
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

ตร.ฉลอง รวบโจ๋กระซวกเฒ่าเมืองเบียร์

ตำรวจฉลองโชว์ฟอร์ม รวบโจ๋กระซวกเฒ่าเมืองเบียร์ ระบุไม่พอใจที่บีบแตรไล่แล้วด่าแม่

เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (29 ม.ค.) นี้ ที่ห้องประชุม สถานีตำรวจภูธรฉลอง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชินรัตน์ ฤทธาคณานนท์ ผกก.สภ.ฉลอง และเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ฉลอง อีกจำนวนหนึ่ง ร่วมกันแถลงข่าว จับกุม นายพิทยา (ฉาม) ศรีจิตราภรณ์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70/3 ม. 7 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางเสื้อยืดคอกลมสีขาว กางเกงยีนต์ขายาว เปื้อนเลือด 1 ตัว มีดปลายแหลม 1 อัน รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยาม่าฮ่า สีชมพู หมายเลขทะเบียน กฉฉ - 352 ภูเก็ต 1 คัน เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพจำนวน 3 จุด โดยจุดแรงที่หน้าสภ.ฉลอง ซี่ง นายพิทยา ศรีจิตราภรณ์ ขับรถรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ YAMAHA ไม่ติดแผ่นป้านทะเบียน มาจากรับหลานที่ตัวเมืองภูเก็ต และขับรถแซงรถยนต์กระบะ TOYOTA รุ่นวีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน กจ-8892 ภูเก็ต ของ นายวูฟ ดีเทอร์ ออยเก้น เคสเซลเฮม สัญชาติเยอรมัน อายุ 66 ปี

จุดที่ 2 ที่บริเวณวงเวียนห้าแยกฉลอง ที่นายวูฟ ดีเทอร์ ออยเก้น เคสเซลเฮม สัญชาติเยอรมัน อายุ 66 ปี ผู้ตายขับรถยนต์ประกบและบีบแตรไล่รวมทั้งด่าแม่นายพิทยา ศรีจิตราภรณ์ (ผู้ต้องหา) จนเกิดการเข่มนกัน

จุดที่ 3 ที่หน้าร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลิฟเว่น นายพิทยา ศรีจิตราภรณ์ ผู้ต้องหา จอดรถขวางถนนวิเศษ เพื่อเรียก นาย นายวูฟ ดีเทอร์ ออยเก้น เคสเซลเฮม สัญชาติเยอรมัน อายุ 66 ปี ผู้ตาย ลงมาเคลียร์ แต่ถูกผู้ตายชกเข้าที่บริเวณปาก 1 ครั้ง จากนั้นได้มีการชกต่อยกอดรัดฟัดเวี่ยง แต่สู้ผู้ตายไม่ได้ จึงชักอาวุธมีดที่เตรียมมาแทงเข้าที่บริเวณราวนม 1 แผล ที่บริเวณชายโครงด้านซ้าย 1 แผล ก่อนที่จะเตะปากผู้ตาย 1 ครั้ง แล้วจึงขับรถหลบหนีไป


ในระหว่างที่มีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้นได้มีลูกบุตรธรรมของผู้ตายได้ปรีเข้ามาชกใบหน้าของนายพิทยา ศรีจิตราภรณ์ 1 ครั้ง และญาติๆ ก็ได้รุมกระโดดถีบ เจ้าหน้าที่ตารวจจึงรีบนำตัวผู้ต้องหากลับสภ.ฉลอง ทันที

จากสอบสวน นายพิทยา ศรีจิตราภรณ์ อายุ 32 ปี ผู้ต้องหารายนี้ ทราบว่า ทำงานบริการให้ถ่ายรูปนกเหยี่ยวอยู่ที่จุดชมวิวกะตะวิวพ้อยส์ ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ก่อนเกิดเหตุได้ขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวไปรับหลานที่สี่แยกหน้ามหาลัยราชภัฎภูเก็ต จนกระทั่งขับมาถึงที่หน้าสภ.ฉลอง ก็ได้แซงหน้ารถยนต์กระบะของผู้ตาย แต่ผู้ตายได้บีบแตรไล่เหมือนไม่พอใจ ตนก็ได้สนใจอะไร จนกระทั่งมาถึงวงเวียนห้าแยกฉลอง ผู้ตายก็ได้บีบแตรไล่เสียยาวอีกหลายๆ ครั้ง และตะโกนด่าแม่ของตน จึงทำให้ตนไม่พอใจอย่างมาก

จนกระทั่งขับมาถึงที่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อเซ่เว่นอีเลิฟเว่น ห่างจากวงเวียนฉลองประมาณ 20 เมตร ผู้ตายก็ได้บีบแตรใส่รถของตนอีกหลายครั้ง ตนจึงได้จอดรถขวางถนนและลงไปพูดคุยกับผู้ตาย แต่พูดจาไม่รู้เรื่องเนื่องจากผู้ตายมีอาการมึนเมาอย่างมาก และผู้ตายได้ลงจากรถยนต์กระบะมาชกต่อยที่ปากของตน 1 ครั้ง จากนั้นก็ได้ชกต่อยกันแต่ตนสู้ไม่ได้ถูกผู้ตายจับล๊อคคอ ตนจึงคว้ามีดที่พกอยู่ที่เอวและจ้วงแทงเข้าที่ลำตัวของผู้ตาย 2 ครั้ง จากนั้นผู้ตายได้ทรุดกองกับพื้น ตนก็ได้เตะเข้าที่ปากของผู้ตายอีก 1 ครั้ง ก่อนหลบหนีไปซ่อนตัวที่บ้านพัก

ในเบื้องต้นนั้น ตนไม่คิดว่าผู้ตายจะเสียชีวิต มาทราบข่าวอีกครั้งจากหน้าหนังสือพิมพ์ รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเกรงจะกระทบกับการท่องเที่ยวเนื่องจากตนก็ทำงานอยู่กับนักท่องเที่ยวด้วย ซึ่งสาเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้นั้นเกิดจากสาเหตุที่ตนไม่พอใจผู้ตายที่บีบแตรไล่และด่าแม่ตน จึงคว้ามีดแทงและเสียใจกับเหตุการณ์ขึ้น ...

ภาพข่าวโดย : บังเสริฐ
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2553

พบแล้ว 3 ลูกเรือ...หลังญาติบนบาน "เสด็จเตี่ย"

ความคืบหน้าจากกรณีที่มีชาวประมงพื้นบ้านจำนวน 3 คน ออกหาปลาพร้อมเรือประมงขนาดเล้กหนึ่งลำ แล้วหายไปไม่มีข่าวคราวตั้งแต่วันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา จนกระทั่งญาติต้องโร่ขอความช่วยเหลือจากทัพเรือภาคที่ 3 พร้อมทั้งได้เดินทางไปบนบานต่อ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หรือ "เสด็จเตี่ย" เพื่อหวังพึ่งให้ช่วยเหลือและคุ้มครอง ตามข่าวที่นำเสนอมาก่อนแล้วนั้นต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากทัพเรือภาคที่ 3 ว่า ชุดลาดตระเวณได้ตรวจพบเรือลำดังกล่าว แล้ว และได้ส่งเรือตรวจการณ์ ต. 218 เดินทางไปลากจูงกลับเข้าฝั่ง และคาดว่าจะเข้าเทียบท่าบริเวณท่าเทียบเรือสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน บ้านแหลมพันวา ได้ในราว 21.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเวลา 21.20 น.วันนี้ (28 ม.ค.) ที่บริเวณท่าเทียบเรือสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน แหลมพันวา ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต พล.ร.ต.สุพจน์ สุดประเสริฐ รอง.ผบ.ทรภ.3 พร้อมเรือตรวจการณ์ 218 ได้นำ นายสรรชัย ปิ่นเมฆ อายุ 35 ปี นายประวิน สั่งสอน อายุ 26 ปีลูกเรือ และ นายชูศักดิ์ แซ่อึ้ง อายุ 36 ปีไต๋เรือประมงหางยาวพื้นบ้านมาขึ้นฝั่ง หลังนำเรือออกไปหาปลากลางทะเลอันดามันบริเวณเกาะแก้วพิสดารกับเกาะราชาใหญ่ ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยญาติๆ ได้เข้าขอความช่วยเหลือจากทัพเรือภาคที่ 3 เพื่อออกค้นหามาตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.เรื่อยมาจนถึงวันที่ 28 ม.ค.จนกระทั่งพบลูกเรือทั้ง 3 กำลังลอยลำอยู่กลางน่านน้ำสากล ห่างจากฝั่ง จ.ภูเก็ตราว 20 ไมล์ทะเล ท่ามกลางญาติพี่น้องของลูกเรือทั้ง 3 ที่มารอรับด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้นนับร้อยคน โดยมีการนำธงชาติไทยพร้อมพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ชูเหนือศีรษะพร้อมโบกธงชาติไปมา

จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.30 น.เรือตรวจการณ์ 218 ได้เข้าเทียบท่า ญาติพี่น้องและเพื่อนๆ ร่วมชุมชนหมู่บ้านสะพานหิน ซึ่งเป็นชุมชนที่ลูกเรือทั้ง 3 คนอาศัยอยู่ได้จุดประทัดร้อยนัด เพื่อต้อนรับการกลับมาของลูกเรือ เมื่อลูกเรือทั้ง 3 ก้าวลงจากเรือตรวจการญาติพี่น้องของลูกเรือแต่ละคนต่างวิ่งเข้าสวมกอดด้วยความตื่นตันใจที่เห็นหน้าคนที่รักอีกครั้ง โดยได้มอบช่อดอกไม้และดอกกุหลาบให้ลูกเรือทั้ง 3 ท่ามกลางบรรยากาศที่ชื่นมื่น จากนั้นลูกเรือทั้ง 3 ที่ได้รับการช่วยเหลือจากทัพเรือภาคที่ 3 ได้ก้มกราบ พล.ร.ต.สุพจน์ สุดประเสริฐ รอง.ผบ.ทร.ภ.3 ซึ่งถือว่าเป็นผู้ควบคุมและสั่งการในการค้นหาลูกเรือทั้ง 3 ตลอดมา จนกระทั่งพบในที่สุด

นายชูศักดิ์ แซ่อึ้ง ไต๋เรือหางยาวประมงพื้นบ้านเปิดเผยด้วยน้ำตานองหน้าถึงนาทีชีวิตที่เห็นเฮลิคอปเตอร์ของทัพเรือภาคที่ 3 เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาว่า หลังจากถูกคลื่นซัดและผลัดหลงเข้าไปในน่านน้ำสากล และพยายามช่วยกันพายเรือเข้าหาฝั่งตลอด 6 วันที่ผ่านมา แต่ไร้ประโยชน์ จนท้อใจ คิดว่าคงไม่มีชีวิตรอดกลับไปพบลูกเมียอีกแล้ว เสบียงที่เตรียมมาก็แบ่งกันกินจะหมดแล้ว เหลือน้ำจืดในขวดอีกไม่ถึงครึ่งขวด โดยใช้ลิ้นแบ่งกันแตะน้ำเข้าปาก เพื่อประทังชีวิตไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเห็นเฮลิคอปเตอร์บินผ่านมา ซึ่งแน่ใจเลยว่าต้องเป็นเครื่องบินที่บินมาค้นหาพวกตนเอง จึงใช้ธงชาติที่ปักอยู่ท้ายเรือโบกสะบัดให้เฮลิคอปเตอร์เห็น จากนั้นอีก 2 ชั่วโมง ก็มีเรือตรวจการณ์มารับพวกตนในที่สุด รู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง ขอขอบคุณทัพเรือภาคที่ 3 เป็นอย่างมากที่ไม่ทิ้งประชาชน และจะไม่ลืมเหตุการณ์ในครั้งนี้ไปจนตาย ...

ภาพข่าวโดย : กอล์ฟ ไทยรัฐ

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

"อนุพงษ์" ย้ำชัดไม่มีปฏิวัติ ทุกฝ่ายยังทำงานตามปกติ

ผบ.ทบ. ย้ำอีกครั้งไม่มีปฏิวัติแน่นอน หงุดหงิดสื่อถามได้ทุกวัน ส่งผลเสียต่อนักธุรกิจ เตือนผู้บังคับหน่วยคุมกำลังรวมตัวชุมนุนอย่าทำอะไรนอกกรอบวินัย...

เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (28 ม.ค.) ที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะมาสอบถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ.ถึงการปฏิวัติรัฐประหารบริเวณหน้า กองบัญชาการกองทัพบกในวันที่ 29 ม.ค. ว่า ไม่ได้เตรียมการอะไรเป็นการปฏิบัติ ตามแผนมีเวรยามตามปกติ ฝ่ายที่ดูแล บก.ทบ.ก็ดูแลความปลอดภัยตามแผน บริเวณด้านในบก.ทบ.เราก็ดูแลส่วนบริเวณด้านนอกเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ส่วนกรณีที่ผู้บังคับหน่วยออกมารวมตัวกันเพื่อตอบโต้ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิ ทบ. หรือ เสธ.แดง นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนได้หารือเจ้ากรมกำลังพลทหารบก โดยมีแนวทางว่า การจะทำอะไรต้องอยู่ในกรอบวินัยด้วย ไม่รู้ว่าใครจะมาเคลื่อนไหวเรื่องอะไรบ้างแต่ได้บอกเจ้ากรมกำลังพลไปว่า ตัวเองต้องอยู่ในกรอบวินัย อย่าไปกระทำผิดเสียเอง เช่น ถ้าจะเรียกร้องคงไม่เป็นไร แต่ไม่ใช่จะไปกล่าวให้ร้ายตอบโต้อะไรที่นอกกรอบวินัย แต่ขอยืนยันว่า กองทัพบกเป็นปึกแผ่นสมัครสมานสามัคคี ทำได้ทุกอย่างตามบทบาทหน้าที่ของตนเองอย่างมั่นคง และเชื่อว่าคงไม่มีอะไรบานปลาย

เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการสอบสวนวินัย พล.ต.ขัตติยะ นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบ พล.ต.ขัตติยะ ยังไม่ได้ไปให้ปากคำกับคณะกรรมการ ซึ่งน่าจะเป็นวันนี้ และไม่ทราบว่าเขาจะไปหรือไม่ ตนไม่กล้าสรุปผลการสอบวินัย ต้องให้กรรมการสอบสวนดูก่อนถ้าเขาไม่มาแล้วจะสรุปอย่างไร ตนก็ยังไม่เห็นข้อสรุป

พล.อ.อนุพงษ์ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวการปฏิวัติว่า จะให้ยืนยันอีกกี่ปี สื่อมวลชนก็ออกข่าวได้ทุกวัน ถามกันทุกวัน ขอบอกว่าประเทศชาติที่กำลังประสบความลำบากคือนักธุรกิจ สังคมโดยรวมกำลังสับสน ผู้ประกอบธุรกิจ ขณะนี้ถือเป็นช่วงที่ดี เพราะการท่องเที่ยวน่าจะเป็นผลดี ช่วยทำให้เศรษฐกิจดีคนในชาติมีความสุข ตนยืนยันหลายครั้งแล้ว และอยากขอร้องให้สื่อมวลชนช่วยกัน เสนอข่าวในทางสร้างสรรค์ เพราะคนที่น่าสงสารคือ ประชาชนและผู้ประกอบธุรกิจเขาจะแย่ ทั้งๆที่สถานการณ์บ้านเมืองไม่มีอะไรเลย กองทัพก็ไม่มี 2 ส่วน เราส่วนใหญ่อยู่กันอย่างมั่นคง แต่มีบางคนบ้างก็เป็นธรรมดาอย่างที่เห็นกัน เป็นเรื่องของตัวบุคคลก็ว่ากันไป และตนก็ไม่เห็นด้วยที่จะแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ขอยืนยันว่าจะไม่มีปฏิวัติแน่นอน ...

ที่มา : http://www.thairath.co.th/content/pol/61693


Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

นอภ.เมืองภูเก็ตย้ำ อส.เน้นงานการข่าว


เมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้ (28 ม.ค.) นายศุภชัย โพชนุกูล นายอำเภอเมืองภูเก็ต เรียกประชุมชี้แจงและมอบนโยบายแก่ เจ้าหน้าที่กองร้อยอาสารักษาดินแดน อำเภอเมืองเมืองภูเก็ต ที่ 1 โดยย้ำให้ทุกคนตั้งใจทำงานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย มีความซื้อสัตย์สุจริต มีระเบียบวินัย และเชื่อฟังผู้บังคับบัญชา โดยให้เน้นหนักในด้านงานการข่าวซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการทำงาน พร้อมทั้งระบุว่าหากทุกอย่างลงตัวแล้วจะเป็นผู้นำทีมลงทำงานทันที ...

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

ภูเก็ตเตรียมจัดงาน "ไบค์วีค 2010" อย่างยิ่งใหญ่


ภูเก็ตเตรียมจัดงานภูเก็ตไบค์วิค 2010 อย่างยิ่งใหญ่ ระดมมอเตอร์ไซด์ใหญ่ทั่วประเทศ 2010 คันแปลอักษรริมหาดป่าตอง

เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (28 ม.ค.) นายวิทยา สิงห์ฆาฬะ ผู้ดูแลประสานการจัดงาน "ภูเก็ตไบค์วีค 2010 ครั้งที่ 16" และกรรมการชมรมภูเก็ตไรด์เดอร์คลับเปิดเผยถึงการจัดงานภูเก็ตไบค์วีค 2010 ครั้งที่ 16 ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 8-13 เม.ย.นี้ว่า ชมรมภูเก็ตไรด์เดอร์คลับ เป็นเจ้าภาพจัดงานดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งแต่ละปีจะมีชาวไบค์เกอร์จากทั่วประเทศและจากทุกมุมโลกเดินทางเข้าร่วมงานที่ จ.ภูเก็ตเป็นจำนวนมาก

ซึ่งปีนี้เช่นเดียวกัน ชมรมภูเก็ตไรด์เดอร์คลับได้รับการยืนยันจากชาวไบค์เกอร์แล้วกว่า 2,000 คัน เพื่อร่วมสร้างสีสันให้กับการท่องเที่ยวของ จ.ภูเก็ต โดยในปีนี้จะมีการแปลอักษร "Phuket 2010" โดยใช้รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่จากทั่วโลกจำนวน 2,010 คันที่ สนามฟุตบอลหาดป่าตอง ถ.ทวีวงศ์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปีของการจัดงานภูเก็ตไบค์วีค จากนั้นจะมีขบวนพาเหรดของชาวมอเตอร์ไซด์ใหญ่ทั่วโลกรวมตัวกันที่ซอยบางลา หาดป่าตองในรูปแบบงานภูเก็ตไบค์วีค 2010 บีชปาร์ตี้และมหกรรมดนตรี โดยจะมีศิลปินแนวหน้าของเมืองไทย เช่น โป่ง หินเหล็กไฟ เป้ ไฮร็อค เจี๊ยบ พิสุทธิ์ และ แหลม เมอริสัน ซึ่งจะมีการประกวดมิสภูเก็ตไบค์วีคและแทททู 2010

"วัตถุประสงค์ของการจัดงานภูเก็ตไบค์วีค 2010 ครั้งที่ 16 ต้องการเพิ่มสีสันให้กับการท่องเที่ยวของ จ.ภูเก็ตและเผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ดีของ จ.ภูเก็ตสู่สายตาชาวโลก โดยชาวไบค์เกอร์จะมีการร่วมกันทำกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ เช่น ปลูกต้นไม้ เพื่อรณรงค์ลดภาวะโลกร้อนตามเส้นทางหาดป่าตอง หาดกมลา โดยในวันที่ 13 เม.ย.จะมีพิธีรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุที่ลานโลมา ถ.ทวีวงศ์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้ในช่วงการจัดงานดังกล่าวกว่า 20 ล้านบาท" ...

ข่าวโดย : กอล์ฟ ไทยรัฐ

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

ทัพเรือภาค 3 ระดมพลค้นหาเรือประมงพร้อม 3 ลูกเรือหายกลางอันดามัน


ทัพเรือภาค 3 นำ ฮ.-เรือตรวจการณ์ออกค้นหาเรือประมงพื้นบ้านพร้อมลูกเรือ 3 คนออกหาปลากลางอันดามันหายไร้ร่องรอย 6 วัน 7 คืนไม่ทราบชะตากรรม ลูกเมียบน "เสด็จเตี๋ย" คุ้มครองให้รอดปลอดภัยเชื่อทั้ง 3 ยังมีชีวิตอยู่ แต่อาจถูกคลื่นลมซัดออกนอกน่านน้ำสากล

เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (28 ม.ค.) พล.ร.ท.ชุมนุม อาจวงษ์ ผบช.ทัพเรือภาคที่ 3 สั่งการให้นำเฮลิคอปเตอร์ดอร์เนียลำเลียงและกู้ภัย พร้อมเรือตรวจการณ์ 218 ออกค้นหาเรือประมงพื้นบ้านพร้อมลูกเรือ 3 คนที่สูญหายระหว่างออกหาปลาที่บริเวณเกาะแก้วพิสดารกับเกาะราชาใหญ่ ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต ตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม หลังได้รับแจ้งจาก นางสุภาภรณ์ สาธร อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105/62 หมู่บ้านสะพานหิน ซ.6 ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต ภรรยานายสรรชัย ปิ่นเมฆ อายุ 35 ปี 1 ใน 3 ลูกเรือลำดังกล่าวที่สูญหายไป โดยได้ใช้เฮลิคอปเตอร์ออกบินค้นหาและตรวจสอบบริเวณน่านน้ำอันดามันตามพิกัดที่ภรรยาของนายสรรชัยและญาติๆระบุ รวมไปถึงเรือตรวจการณ์ 218 กว่า 2 ชม.แต่ไร้วี่แววของเรือประมงพื้นบ้านลำดังกล่าว เบื้องต้นคาดว่าอาจถูกคลื่นลมที่กรรโชกพัดเข้าน่านน้ำสากล ซึ่งอยู่ห่างจากฝั่งกว่า 20 ไมล์ทะเล ทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงของเรือหมดและขาดการติดต่อในที่สุด ซึ่งกองทัพเรือภาคที่ 3 จะส่งเรือตรวจการณ์และเฮลิคอปเตอร์ออกค้นหาอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะพบ

ขณะที่ นางสุภาภรณ์ สาธร พร้อมด้วย นางเกษร รอบคอบ อายุ 50 ปีภรรยา นายประวิน สั่งสอน อายุ 26 ปี 1 ใน 3 ลูกเรือประมงพื้นบ้านที่หายไปกลางทะเลอันดามันและญาติๆกว่า 20 คนได้เดินทางไปบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อขอพรให้คุ้มครองลูกเรือทั้ง 3 ให้รอดปลอดภัยจากภัยอันตรายจากกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ หรือ "เสด็จเตี๋ย" ที่บริเวณปลายแหลมสะพานหิน ถ.ภูเก็ต อ.เมืองภูเก็ต โดย นางสุภากรณ์ กล่าวว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา นายสรรชัยสามีพร้อมด้วย นายประวิน สั่งสอน อายุ 26 ปี และ นายชูศักดิ์ แซ่อึ้ง อายุ 36 ปีไต๋เรือได้นำเรือหางยาวขนาดเล็กวางเครื่องท้องเรือออกจากท่าเรือประมงพื้นบ้านข้างเตาเผาขยะ คลองเกาะผี อ.เมืองภูเก็ต เพื่อออกหาปลาตามปกติ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา สามี-ลูกเรืออีก 2 คนพร้อมด้วยเรือยังไม่มีวี่แววจะกลับมาถึงฝั่งหรือท่าเรือ จึงเห็นท่าไม่ดี ซึ่งคงต้องเกิดเหตุร้ายกับสามีและเพื่อนอย่างแน่นอน จึงขอความช่วยเหลือจากทัพเรือภาคที่ 3 เพื่อออกค้นหา แต่ก็ไร้วี่แวว จนเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 28 ม.ค.ตนเองพร้อมด้วยนางเกษรภรรยานายประวินและญาติๆได้เข้าพบ ผบช.ทัพเรือภาคที่ 3 เพื่อติดตามความคืบหน้าในการค้นหาสามีและเรือประมงลำดังกล่าว

"ปกติแล้วสามีและเพื่อนจะนำเรือประมงออกหาปลาแถวเกาะแก้วพิสดารและเกาะราชาใหญ่ ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งแต่ละครั้งจะออกหาปลา 2-3 วันก็จะกลับมาถึงฝั่ง แต่ครั้งนี้ออกเรือไปตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค.จนถึงวันนี้เวลาล่วงเลยไปแล้ว 6 วัน 7 คืน ซึ่งเชื่อว่าเรือหางยาวของสามีและเพื่อนๆอาจถูกคลื่นลมที่ช่วงนี้แรงพัดออกไปยังน่านน้ำสากล ซึ่งห่างจากฝั่งมาก ทำให้น้ำมันหมดและไม่สามารถนำเรือกลับเข้าฝั่งได้ โดยยังเชื่อมั่นว่าสามีและเพื่อนยังไม่ชีวิตอยู่ แต่ติดต่อกันไม่ได้ ซึ่งได้ขอพรจากเสด็จเตี๋ยที่พวกเราชาวประมงเคารพนับถือคุ้มครองสามีและเพื่อนๆให้รอดปลอดภัยและกลับเข้าฝั่งได้ในที่สุดด้วย"

ภาพข่าวโดย : กอล์ฟ ไทยรัฐ

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

หลายองค์กรแสดงความยินดีประธานชมรมผู้สื่อข่าวภูเก็ต


น.อ.สุชาติ ธรรมพิทักษ์เวช ผอ.กองกิจการพลเรือน ทัพเรือภาคที่ 3 และคณะ
เมื่อเวลา 11.10 น.วันนี้ (28 ม.ค.) ที่ ศูนย์ประสานงานสื่อมวลชนจังหวัดภูเก็ต (ชมรมผู้สื่อข่าวภูเก็ต) ได้มีตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ประกอบด้วย ตัวแทนจาก ทัพเรือภาค 3 , สมาคมสตรีอาสาสมัครรักษาดินแดนจังหวัดภูเก็ต , บริษัท ยูนิซิตี้ จำกัด , ศูนย์ อป.พร.เทศบาลนครภูเก็ต , ชมรมผู้ปกครองโรงเรียนเทศบาลปลูกปัญญา เดินทางมามอบกระเช้าแสดงความยินดีกับ นายพีระพงศ์ ผลประมูล ในโอกาสได้รับเลือกตั้งเป็น "ประธานชมรมผู้สื่อข่าวภูเก็ต" ต่ออีกสมัย ...


นางสมบูรณ์ศรี โกยศิริพงศ์ นายกสมาคมสตรีอาสารักษาดินแดนจังหวัดภูเก็ต และคณะ

นายธีรพนธ์ ลิ่มชูเชื้อ ประธานชมรมผู้ปกครองและครูโรงเรียนเทศบาลปลูกปัญญา และคณะ

นายศุภชัย ตันนาภัย ประธานศูนย์ อป.พร.เทศบาลนครภูเก็ต และคณะ

นายอภิวุฒิ สุริยะโชติ บริษัท ยูนิซิตี้ จำกัด และคณะ

 Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันที่ 28 ม.ค. 2553


ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันที่ 28 มกราคม 2553

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2553

แล้ว "ทหาร" ก็แสดงความเป็นสองมาตรฐาน

เขียนโดย : เอ๋ อินไซด์ วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม 2553 เวลา 22.05 น.


จากปรากฎการณ์เมื่อเช้าวันนี้ (27 ม.ค.) ที่มีกลุ่มนายทหารนำโดย พ.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ นำผู้ใต้บังคับบัญชาออกมาแสดงพลังปกป้อง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก จากกรณีความขัดแย้งกับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ "เสธ.แดง" โดยให้เหตุผลของการออกมาแสดงแสนยานุภาพครั้งนี้ว่า

เพื่อต่อต้านการกระทำของบุคคลบางกลุ่มใช้ข้าราชการทหารมาจาบจ้วงสถาบันทหาร ทำการดูหมิ่นผู้บังคับบัญชาชั้นสูง โดยเฉพาะ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์​โอชา รองผู้บัญชาการทหารบก เนื่องจากระบบทหารถือเป็นการกระทำผิดวินัยร้ายแรงเสื่อมเสียสถาบันทหาร

ขณะเดียวกัน ก็มีการขานรับจาก พ.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ (ลูกชาย พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ "บิ๊กจ๊อด" หัวหน้าคณะปฏิวัติ รสช.) ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11รอ.) ในฐานะแกนนำ จปร.31 จะนำกำลังพลจากเพื่อนร่วมรุ่น จปร.31 อาทิ พ.อ.นัฐวัฒน์ อัครนิบุตร ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.ร.1 รอ.) พ.อ.กฤษณ์ดนัย อิทธิมณฑล ผู้บังคับการกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.ป.1 รอ.) พ.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.ร.2 รอ.) และนายทหารระดับผู้บังคับกองพันในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวนกว่า 11 กองพันจะมารวมตัวกัน เพื่อแถลงในฐานะที่เป็นศิษย์เก่านักเรียนนายร้อย จปร. โดยอ้างว่า

เพื่อต้องการกอบกู้ศักดิ์ศรีภาพพจน์ของกองทัพบก ภายหลังที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรี โดยเฉพาะกรณีของ "เสธ.แดง" พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก

หากฟังดูเช่นนี้แล้ว ต้องบอกว่าน่านับถือ หรือหากผู้บังคับบัญชาระดับสูงได้ยิน ได้ฟัง ก็น่าที่จะมีการตบรางวี่รางวัล หรือขั้นเงินเดือนให้อย่างงดงามกันเลยที่เดียว ที่ยอมยื่นหน้าออกมาเชลียร์กันอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูกับกรณีของ "เสธ.แดง" เยี่ยงนี้

แต่เมื่อพิจารณาเหตุและผลกันแล้ว เชื่อว่าหลายท่านก็น่าจะคิดเหมือนผมว่า เอ๊ะ..!! แล้วทำไมก่อนหน้านี้ ในยุคที่พันธมิตรฯ และ สนธิ ลิ้มทองกุล กำลังครองเมืองนั้น พวกมารเหลืองเหล่านั้นมันก็เคยด่า เคยประณามลูกพี่ที่ชื่อ "พล.อ.อนุพงษ์" มาอย่างหนักด้วยมิใช่หรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกล่าวหาว่า "บิ๊กป๊อก" รับเงินจากทักษิณ 50 ล้าน แถมด่าอย่างสาดเสียเทเสีย

หรือแม้กระทั่งการกระทำอย่างหยามเกียรติของนักเรียน จปร. ของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่นำเอาโกเต็กซ์ที่ใช้แล้วไปปิดที่ฐานพระบรมรูปทรงม้า มันเป็นพฤติกรรมที่หยามศักดิ์ศรีคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะคนที่เป็นทหารหาญ  แต่ในช่วงนั้นกลับเห็นทหารนิ่งเฉย ไม่ใส่ใจ ไม่ใยดี ไม่มีการออกมาตบเท้าปกป้องศักดิ์ศรีกันบ้างเลย

สรุปแล้ว ความเป็นสองมาตรฐานก็มิใช่มีเฉพาะในกระบวนการยุติธรรม มิใช่มีเฉพาะในการบริหารงานของรัฐบาล หากแต่มันแพร่กระจายเข้าไปทุกรูขุมขน ของทุกสถาบันในประเทศไทย

แล้ววันนี้ สถาบันทหารเองก็เป็นอีกหนึ่งที่ออกมายอมรับกับความเป็นสองมาตรฐานเรียบร้อยแล้ว ...

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

"อภิชาต" ดิ้นไม่ออก จำใจชี้ยุบ ปชป.ก่อนเสนอ กกต.


ที่ปรึกษากฎหมาย กกต.เคาะให้ "อภิชาต" วินิจฉัยเงินบริจาค ปชป.258 ล้านบาทก่อน เสนอที่ประชุม กกต.มีมติอีกรอบ ขณะที่เป็นความผิดตาม กม.เก่าก็สามารถใช้ กม.ใหม่เล่นงานได้

วันนี้ (27 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสียงข้างมากมีมติให้ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองไปมีความเห็นกรณีเงินบริจาคพรรคประชาธิปัตย์ 258 ล้านบาท และนายอภิชาตได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษานั้น ปรากฎว่าคณะทำงานได้มีการประชุมไปแล้ว 2 ครั้ง แต่ยังไม่สามารถหาข้อสรุป ขณะเดียวกันก็มีประเด็นปัญหากฎหมาย ซึ่งนายอภิชาตก็ได้นำปัญหาดังกล่าวส่งให้คณะที่ปรึกษากฎหมายของ กกต.พิจารณารวม 3 ประเด็น ประกอบด้วย ความผิดที่มีการกล่าวหานั้นเกิดขึ้นตาม พ.ร.บ.พรรคการเมืองปี 2541 แต่ขณะนี้กฎหมายที่ใช้บังคับเป็น พ.ร.บ.พรรคการเมือง 2550 ดังนั้นจะสามารถเอาผิดได้หรือไม่

กรณีดังกล่าว กกต.มีมติตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวน ดังนั้นถือเป็นอำนาจที่ กกต.ต้องมติเลยได้หรือไม่ โดยไม่ต้องให้นายทะเบียนมีความเห็น และกรอบการดำเนินการของ กกต.และนายทะเบียนพรรคการเมืองเป็นอย่างไร ซึ่งระหว่างรอการพิจารณาของคณะที่ปรึกษาฯ ทางคณะทำงานก็ไม่ได้มีการนัดประชุมโดยให้กรรมการแต่ละคนไปศึกษาสำนวน

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า คณะที่ปรึกษากฎหมายของ กกต.ได้พิจารณาและมีความเห็นในประเด็นข้อกฎหมายดังกล่าวแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยประเด็นที่มีการถกเถียงมาก เป็นเรื่องกรอบอำนาจของ กกต.กับนายทะเบียนพรรคการเมืองที่มองว่า เมื่อพิจารณา พ.ร.บ.พรรคการเมืองมาตรา 93, 94 และ 95 ระบุชัดให้การเสนอความผิด เรื่องยุบพรรคที่ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย เป็นหน้าที่ของนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่ต้องมีความเห็นก่อนแล้วจึงเสนอ กกต.เห็นชอบ ส่วนที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.พรรคการเมืองปี 41 แม้ขณะนี้กฎหมายที่ใช้บังคับเป็น พ.ร.บ.พรรคการเมืองปี 50 ก็เห็นว่า สามารถเอาผิดได้ เนื่องจากไม่ได้มีอะไรแตกต่างมากประกอบกับศาลรัฐธรรมนูญก็เคยมีคำวินิจฉัยไว้แล้วคราวยุบพรรคไทยรักไทย

ส่วนที่ที่ประชุม กกต.เป็นผู้ตั้งอนุกรรมการนั้นก็มองว่า การตั้งอนุกรรมการสอบสวนของกกต.ถือเป็นเพียงการอนุญาต ให้มีการตั้งคณะกรรมการหรืออนุกรรมการขึ้นมาสอบให้ได้ข้อเท็จจริงเท่านั้น ทั้งนี้ คณะที่ปรึกษากฎหมาย กกต.จะนำเสนอความเห็นดังกล่าวให้กับนายอภิชาต หลังจากที่เดินทางกลับจากการประชุมนานาชาติที่ประเทศอินเดียระหว่างวันที่ 24-28 ม.ค.นี้ เพื่อส่งให้คณะทำงานที่คาดว่าจะประชุมในวันที่ 29 ม.ค.นี้ ...

ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

ฝรั่งดวงซวยถูกโจ๋รุมแทงดับฐานยกนิ้วให้


เมื่อเวลา19.30 น. วันนี้ (27 ม.ค.) พ.ต.ท.อนุกูล หนูเกต สารวัตรเวร สถานีตำรวจภูธรฉลอง อ.มือง จังหวัดภูเก็ต รับแจ้งว่ามีเหตุนักท่องเที่ยวถูกแทงได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล เหตุเกิดที่บริเวณหน้าเซ่เว่นอีเลิฟเว่น ถนนวิเศษ ม. 5 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขอให้เดินทางไปตรวจสอบด้วย หลังจากได้รับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น ก่อนเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ชินรัตน์ ฤทธาคณานนท์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรฉลอง  พ.ต.ท.พาชัย มัธยันต์ สวป.สภ.ฉลอง พ.ต.ท.จรัล บางประเสริฐ สว.สส.สภ.ฉลอง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิภูเก็ตร่วมใจกู้ภัย รุดไปตรวจสอบที่เกิด

ผู้สื่อข่าวราย
งานว่า เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุอยู่บริเวณหน้าร้านเซเว่นอีเลิฟเว่น พบเห็นกองเลือดไหลนองพื้น ตรวจสอบรถยนต์กระบะ TOYOTA รุ่นวีโก สีดำ หมายเลขทะเบียน กจ-8892 ภูเก็ต จอดอยู่ 1 คัน ทราบว่าเป็นรถของผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บทราบว่ามีพลเมืองดีได้นำส่งโรงพยาบาลสิริโรจน์ภูเก็ตก่อนหน้านี้แล้ว และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อภายหลังคือ นายWOLF KESSEL SEIM สัญชาติเยอรมัน อายุ 66 ปี สภาพศพสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกางเกงขายาว รองเท้าดำ ถูกแทงเข้าที่บริเวณใต้ราวนม 1 แผล ที่บริเวณซี่โครงด้านซ้าย 1 แผล มีเลือดไหลอาบร่าง ตรวจค้นในกระเป๋ากางเกงด้านซ้าย พบเงินสด 5 พัน บุหรี่ 1 ซอง เจ้าหน้าที่จึงบันทึกไว้เป็นหลักฐานเพื่อดำเนินการต่อไป

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวมาจากตัวเมืองภูเก็ต เพื่อที่จะขับกลับบ้านพักที่บ้านใสยวน ม. 7 ต.ราไวย์ แต่เมื่อขับมาถึงที่บริเวณวงเวียนห้าแยกฉลอง ได้มีกลุ่มวัยรุ่น 3 คน ขับรถจักรยานยนต์ YAMAHA รุ่นฟีโน่ สีชมพู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจากหาดราไวย์ เพื่อที่จะมุ่งหน้าเข้าสู่อ่าวฉลอง แต่กลุ่มวัยรุ่นได้เลี้ยวตัดหน้ารถยนต์กระบะของผู้ตายอย่างกระชั้นชิด ทำให้ผู้ตายไม่พอใจ และบีบแตรไล่เสียงดัง ทำให้กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวไม่พอใจ ได้เลี้ยวรถจักรยานยนต์ไล่ตามรถยนต์ของผู้ตายไปตามถนนวิเศษ ในระหว่างนั้นผู้ตายได้ทำสัญลักษณ์มือคล้ายกับด่าแม่กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าว ทำให้กลุ่มวัยรุ่นไม่พอใจ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ผู้ตายได้จอดรถเพื่อที่จะซื้อสินค้าเพื่อนำไปบริโภค เมื่อผู้ตายก้าวย่างจะลงจากรถยนต์กระบะ กลุ่มวัยรุ่นทั้ง 3 คน ก็ได้กรูเข้าไปชกที่ใบหน้าผู้ตายอย่างจังหลายครั้ง ก่อนที่วัยรุ่นอายุประมาณ 18 ปี 1 ในกลุ่มคนร้ายจะชักอาวุธมีดแทงผู้ตายเข้าที่บริเวณใต้ราวนม 1 แผล ที่บริเวณซี่โครงด้านซ้าย 1 แผล จนได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นคนร้ายกลุ่มคนร้ายดังกล่าวได้ขับหลบหนีมุ่งหน้าไปทางหาดราไวย์ ต.ราไวย์ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่ากลุ่มคนร้ายดังกล่าวน่าจะไม่พอใจผู้ตายที่ส่งสัญลักษณ์มือเหมือนด่าแม่ จึงโมโหก่อนขับรถไล่ตาม และรุมทำร้ายก่อนจ้วงมีดแทงเสียชีวิตดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่แท้จริงเจ้าหน้าที่จะได้ติดตามมาคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ...

ภาพข่าวโดย : บังเสริฐ

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

ทน.ภูเก็ตแถลงข่าวจัดงานย้อนอดีต ครั้งที่ 11


เมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้ (27 ม.ค.) นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต พร้อมด้วย นางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ ประธานศาลเจ้าแสงธรรม ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานตรุษจีนและงานย้อนอดีตเมืองภูเก็ต ครั้งที่ 11 ณ ศาลเจ้าแสงธรรม ถนนพังงา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต โดยกำหนดจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-21 กุมภาพันธ์ 2553 นี้ ...

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันที่ 27 ม.ค. 2553


ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันที่ 27 มกราคม 2553

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

เบียร์สิงห์ฉลอง "ร้อยดวงใจสายใยสิงห์ ครั้งที่ 7"


นายผิน คิ้วคชา (ขวา) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ภูเก็ตแฟนตาซี จำกัด (มหาชน) มอบดอกไม้แสดงความยินดี และขอบคุณแด่ นายสันติ ภิรมย์ภักดี (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ในโอกาสที่เบียร์สิงห์มาจัดงาน "ร้อยดวงใจสายใยสิงห์ ครั้งที่ 7" เพื่อฉลองครองความเป็นหนึ่งให้กับดีลเลอร์ทั่วประเทศกว่า 800 ท่าน ภายในงานมีกิจกรรม เกม คอนเสิร์ตของศิลปิน ดารา นางแบบมากมาย อาทิ วงแคลช น้ำชา ตีน่า ก๊อต จักรพันธ์ อาภาภรณ์ นครสวรรค์ จิ้ม-จอย ชวนชื่น นางแบบสาวสวย "ลีโอ" นำทีมโดย "ลูกเกด" ยกทีมมาสร้างความฮือฮา เป็นต้น พร้อมทั้งอิ่มอร่อยกับอาหารพื้นเมืองรสเด็ด เครื่องดื่มนานาชนิดจากผลิตภัณฑ์ของสิงห์มาร่วมเติมเต็มความสุข โดยมี นายเศรษฐา ศิระฉายา และ นายสัญญา คุณากร เป็นพิธีกรในงาน ณ ภูเก็ตแฟนตาซี เมื่อเร็วๆ นี้ ...



Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

สุดท้ายพรรคร่วมก็โดน..."หลอกแดก"

เขียนโดย : เอ๋ อินไซด์ วันพุธที่ 27 มกราคม 2553 เวลา 09.05 น.


เห็นเกมพลิ้วทางการเมืองของพรรคแมลงสาป อย่าง ประชาธิปัตย์ ต่อกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มีการโยนกันไป โยนกันมา จนท้ายสุดก็ออกมาประกาศชัด ไม่ร่วมแก้รัฐธรรมนูญตามแบบอย่างของพรรคร่วมแล้ว ก็อดนึกสังเวชใจต่อการยอมร่วมรัฐบาลของบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลเป็นอย่างมาก

ต้องบอกว่าหลายครั้ง หลายคราแล้วที่คนชื่อ "บรรหาร ศิลปะอาชา" โดนเล่นงานจากคนในค่ายแมลงสาป ยกตัวอย่างในสมัยเป็นนายกรัฐมนตรี ก็โดนขุดโคตรออกมาชำแหละกลางสภา หรือกรณีโดนเกมยุบพรรค ถึงขนาดต้องบีบน้ำตาลูกผู้ชายออกทีวี ก็ยังไม่เข็ดหลาบ

สุดท้าย หลอกให้ย้ายข้างพร้อมสัญญาลูกผู้ชายใจหญิงว่า "จะแก้รัฐธรรมนูญ" แต่พอได้เป็นรัฐบาล ได้เป็นนายกฯ สมใจ ก็ถีบหัวส่งเอาเสียอย่างงั้น

หนำซ้ำ ถึงวันนี้แล้ว หัวหน้าแมลงสาปที่ชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็ยังคงเดินหน้าเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ตามสไตล์ถนัด ลูกเล่นสารพัดที่งัดออกมาถล่มต่อมจริยธรรมของบรรดาพรรคร่วม ทั้งกด ทั้งดัน จนที่สุดแล้ว อดีตรัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข อย่าง มานิต นพอมรบดี คนของ เนวิน ชิดชอบ เจ้าของแบรนด์ภูมิใจไทย ต้องยอมประกาศลาออกจากเก้าอี้

ในทางตรงกันข้ามคนของตัวเองอย่าง กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ที่มีข่าวฉาวโฉ่ในการทุจริตโครงการไทยเข้มแข็ง และชุมชนพอเพียง กลับยังคงลอยนวลในตำแหน่ง เลขาธิการนายกรัฐมนตรี อย่างหน้าตาเฉย

ก็คงไม่แปลกอะไร เพราะสันดอนมันขุดได้ แต่สันดานมันขุดยาก...!!!

มาถึงวันนี้ เชื่อเหลือเกินว่า พรรคร่วมรัฐบาล คงเห็นเช่นรู้ชาติพรรคแมลงสาปอย่าง "ประชาธิปัตย์" กันได้บ้าง ไม่มากก็น้อย หากแต่เชื่อเช่นกันว่า ที่ยังคงฝืนกอดคอร่วมชะตากรรมในรัฐบาลนั้น ก็เพียงเพราะผลประโยชน์บางอย่าง แต่ท้ายที่สุดแล้ว แก้วเมื่อมีรอยร้าว ก็ต้องแตก ไม่วันใดก็วันหนึ่ง

ส่วนผลจะออกมาอย่างไรในวันข้างหน้า ก็สุดแล้วแต่เวรกรรมของประเทศไทย ...

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

นอภ.ใหม่เยี่ยมชมการทำงาน ทต.วิชิต



เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วันนี้ (27 ม.ค.) นายศุภชัย โพชนุกูล นายอำเภอเมืองภูเก็ต ให้เกียรติเดินทางเข้าเยี่ยมชมการทำงานของพนักงานเทศบาลตำบลวิชิต ณ สำนักงานเทศบาลตำบลวิชิต โดยมีนายกรีฑา แซ่ตัน นายกเทศมนตรีตำบลวิชิต นายนิมิตร เอกวานิช ประธานสภาเทศบาล และหัวหน้าส่วนราชการ พนักงานเทศบาลตำบลวิชิต ให้การต้อนรับ ทั้งนี้นายอำเภอเมืองภูเก็ต ได้รับฟังการปฏิบัติราชการของเทศบาล พร้อมให้คำแนะนำการทำงานในด้านต่างๆ ...


Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

ตำรวจภูเก็ตจัดฝึกทบทวนกองร้อยควบคุมฝูงชน

เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (27 ม.ค.) ที่บริเวณลานจอดเฮลิคอปเตอร์ หลัง สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานอำนวยการฝึกซ้อมกองกำลังปราบปรามการก่อเหตุจลาจลและการฝึกแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต จำนวน 2 กองร้อยๆ ละ 300 นาย เพื่อทบทวนหลักสูตรการฝึกแถวประจำปีและการเตรียมความพร้อมในการรับมือสถานการณ์ต่างๆ จากกลุ่มผู้ชุมนุมที่อาจเกิดขึ้นได้ช่วงที่การเมืองของประเทศยังไม่นิ่ง โดยมี พ.ต.อ.โกมล วัตรากรณ์ รอง.ผบก.ภ.จ.ภูเก็ต เป็นผู้ควบคุมการฝึก ซึ่งมี พ.ต.อ.กฤษศักดิ์ สงมูลนาค ผกก.สภ.กะทู้ คุมกองกำลังกองร้อยที่ 1 และ พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไฝจู ผกก.ถลาง คุมกองกำลังกองร้อยที่ 2 โดยมี นายเกร๊ก มิลเลอร์ หัวหน้าส่วนป้องกันกองกำลังทหารสหรัฐอเมริกาประจำภาคพื้นเอเซียและ นายดักลาส โรบินสัน ทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยร่วมชมการฝึกซ้อมและจำลองสถานการณ์ทุกขั้นตอน


สำหรับการฝึกซ้อมควบคุมฝูงชนในครั้งนี้ได้มีการจำลองสถานการณ์เสมือนจริง คือ โดยตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตได้รับมอบหมายให้รักษาความปลอดภัย ภายหลังได้มีประชาชนกว่า 300 คนรวมตัวชุมนุมกันที่บริเวณศาลากลางจังหวัดภูเก็ต โดยแกนนำปลุกระดมโจมตีรัฐบาลให้ยุบสภา แต่เมื่อข้อเรียกร้องไม่ได้รับการตอบสนอง กลุ่มผู้ชุมนุมได้ปิดล้อมทางเข้าออกศาลากลางจังหวัด เพื่อกดดันรัฐบาลให้รับข้อเสนอ โดยเจ้าหน้าที่ได้พยายามเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ไม่ได้รับความร่วมมือใด ๆ ทั้งสิ้น โดยกลุ่มผู้ชุมนุมยังคงกดดันเจ้าหน้าที่ จนเกิดการปะทะกันขึ้น เจ้าหน้าที่ใช้โล่ป้องกันและผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุม สุดท้ายกลุ่มผู้ชุมนุมได้ล่าถอยออกไป ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะและถูกนำส่ง รพ.

หลังจากนั้นแกนนำได้ปลุกระดมกลุ่มผู้ชุมนุมอีกครั้ง โดยกล่าวหาเจ้าหน้าที่ทำร้ายประชาชน สร้างความโกรธแค้นให้กลุ่มชุมนุมจนรวมตัวกันเพิ่มมากขึ้น และมีการนำอาวุธจำพวกก้อนหิน ไม้ มีดพร้าและอื่น ๆ มาประจันหน้ากับเจ้าหน้าที่ ทำให้สถานการณ์มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้รถดับเพลิงและแก็สน้ำตาเข้าสลายการชุมนุม ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บหลายราย ส่วนที่เหลือได้สลายการชุมนุมไป ซึ่งมีผู้ชุมนุมบางส่วนถูกจับกุม เนื่องจากการรวมตัวทำให้เกิดความเสียหายต่อส่วนรวม ไม่ใช่การรวมตัวตามสิทธิรัฐธรรมนูญ  ...

ภาพข่าวโดย : กอล์ฟ

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553

ทอท.ภูเก็ตเผยไฮซีซั่นนี้นักท่องเที่ยวเพิ่มกว่า 20%


นายประเทือง ศรขำ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต (ทอท.ภูเก็ต) เปิดเผยว่า ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตนี้มีผู้โดยสารเดินทางผ่านท่าอากาศยานภูเก็ต ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเฉลี่ยเดือนละไม่ต่ำกว่า 100,000 คน และมีสัดส่วนการเดินทางเข้ามาระหว่างชาวต่างชาติกับคนไทย คือ 3 : 1 โดยประเทศที่เดินทางเข้ามาเป็นลำดับต้นๆ ได้แก่ ออสเตรเลีย กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย จีน และเกาหลี ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2552 กับปี 2551 ในช่วงต้นปี ต่อเนื่องจนถึงกลางปีพบว่ามีจำนวนที่ใกล้เคียงกัน ขระที่เมื่อเข้าช่วงเดือนตุลาคม 2552 เป็นต้นมา พรือหน้าไฮซีซั่นที่ผ่านมา พบว่ามีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 20 %

นายประเทืองกล่าวอีกว่า จากตัวเลขการเพิ่มขึ้นของผู้โดยสารดังกล่าว ทางท่าอากาศยานภูเก็ตจึงได้มีการประกาศให้สายการบินทั่วโลกรับทราบว่า ท่าอากาศยานภูเก็ตไม่สามารถที่จะรับเครื่องบินที่จอดค้างคืนได้ เนื่องจากหลุมจอดที่มีอยู่ไม่เพียงพอต่อจำนวนเที่ยวบินที่เข้ามาใช้บริการ โดยในแต่ละวันจะมีเที่ยวบินขึ้น-ลง ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศไม่ต่ำกว่า 140 เที่ยวบิน

สำหรับแนวโน้มของผู้โดยสารนั้น คาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ10 % เนื่องจากในช่วงต้นปีนี้จะมีเที่ยวบินของสายการบินจากรัสเซียนำผู้โดยสารเข้ามาเพิ่มขึ้น เฉลี่ยทั้งปีไม่ต่ำกว่า 100,000 คน เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียมีความชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติทั้งหาดทรายชายทะเล นอกจากนี้ยังมีเที่ยวบินจากออสเตรเลียที่เพิ่มขึ้นอีก 2 สายการบินจากเดิมที่มีเพียงสายการบินเดียว ...

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันที่ 26 ม.ค. 2553


ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันที่ 26 มกราคม 2553

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

ตำรวจภูเก็ตเปิดศูนย์ไกล่เกลี่ยชั้นสอบสวน


เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (26 ม.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 4 สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นางวรางคณา สุจริตกุล ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล จ.ภูเก็ตเป็นประธานเปิดศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทคดีอาญาในชั้นสอบสวน โดยมี พ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต คณะกรรมการไกล่เกลี่ย ซึ่งสรรหาจากบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เช่น กต.ตร. , ผู้นำท้องถิ่น , นักธุรกิจ และประชาชนทั่วไป จำนวน 38 คน ตลอดจนข้าราชการตำรวจเข้าร่วม

พ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต กล่าวว่า การเปิดศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทคดีอาญาในชั้นสอบสวน ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการลดการนำคดีเข้ากระบวนการยุติธรรมหรือเพื่อให้การดำเนินคดีเสร็จสิ้นไปโดยความรวดเร็วและประหยัด สร้างความสงบสุขให้แก่ชุมชน สังคมและประเทศชาติ จึงจำเป็นที่จะต้องมีกระบวนการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทคดีอาญาในชั้นสอบสวนขึ้น เพราะคู่พิพาทไม่สามารถเจรจาจนบรรลุข้อตกลงด้วยตนเองได้ ซึ่งเกิดจากการขาดความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน แต่ละฝ่ายมีอารมณ์โกธรหรือมีทิฐิต่อกัน มีความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน ไม่รู้จักวิธีการแก้ไขปัญหา

จากเหตุผลดังกล่าวตึงได้เห็นถึงความสำคัญในการจัดให้มีกระบวนการไกล่เกลี่ยคดีอาญาขึ้นในระดับสถานีตำรวจ จึงได้มีการโครงการ "จัดตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทคดีอาญาในชั้นสอบสวน" ขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ เป็นธรรม ประหยัด และรวดเร็ว เพื่อรักษาสัมพันธภาพระหว่างคู่พิพาท และสร้างความพึงพอใจให้แก่คู่พิพาท รวมทั้งรักษาชื่อเสียงและความลับส่วนตัวและทางธุรกิจของคู่พิพาท ตลอดจนลดปริมาณคดีของ สภ.เมืองภูเก็ต ที่จะขึ้นสู่ศาลและหน่วยงานอื่นๆ เช่น อัยการ ศาลคุมประพฤติให้ลดลงร้อยละ 10-30 ของคดีที่เกิดขึ้น

ทางด้าน พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จ.ภูเก็ต กล่าวว่า เป้าหมายคดีหรือข้อพิพาทที่สามารถไกล่เกลี่ยได้ เช่น คดีอาญาที่เกี่ยวกับความผิดอันยอมความได้ ความผิดลหุโทษหรือความผิดที่มีอัตราโทษไม่สูงกว่าความผิดลหุโทษ ความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท ความผิดที่มีโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกินห้าปี โดยศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทคดีอาญาในชั้นสอบสวนตั้งอยู่ที่ สภ.เมืองภูเก็ต โดยจัดห้องไกล่เกลี่ยไว้จำนวน 2 ห้อง ประกอบด้วย ห้องไกล่เกลี่ย 1 อยู่ที่อาคารชั่วคราวติดกับ สภ.เมืองภูเก็ต และห้องไกล่เกลี่ยที่ 2 อยู่ที่ห้องรับรองชั้น 2 สภ.เมืองภูเก็ต โดยเปิดทำการตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น.ของทุกวัน เว้นวันหยุดราชการ

"ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทคดีอาญาในชั้นสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ตถือว่าเป็นศูนย์แรกของประเทศและเป็นแห่งเดียวของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งถือว่า สภ.เมืองภูเก็ตเป็นสถานีแรกในการนำร่องสร้างระบบการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทคดีอาญาในชั้นสอบสวน โดยได้สรรหาคณะกรรมการไกล่เกลี่ยจากบุคคลในพื้นที่ที่มีความสมัครใจและเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เช่น คณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจหรือ กต.ตร.สภ.เมืองภูเก็ต ผู้นำท้องถิ่น ตัวแทนประชาชน ผู้แทนจากกลุ่มอาชีพต่างๆ นักธุรกิจและประชาชนทั่วไป ซึ่งขณะนี้ได้มีคำสั่งแต่งตั้งไว้แล้วจำนวน 38 คน โดยทุกคนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับของประชาชน ซึ่งมีประสบการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลายคนขณะนี้ได้ทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทประจำศาล จ.ภูเก็ต ด้วย"

ภาพข่าวโดย : กอล์ฟ

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

ขบวนรถหุ้มเกาะเคลื่อนพลบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อคืนวันที่ 25 ม.ค. 53



เมื่อคืนวันที 25 มกราคมที่ผ่านมา มีผู้พบเห็นการเคลื่อนกำลังรถลำเลียงพลหุ้มเกราะแบบวี-150 จากหน่วยทหารไม่ทราบสังกัดบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้มีข่าวลือออกมาเป็นระยะเกี่ยวกับการจะเกิดการปฏิวัติขึ้นอีกครั้ง ...

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

นายอำเภอใหม่รายงานตัวพ่อเมืองภูเก็ต


(จากซ้าย) นายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต , นายนฤนาท สุภัทรประทีป นายอำเภอถลาง , นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และ นายศุภชัย โพชนุกูล นายอำเภอเมืองภูเก็ต

เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (26 ม.ค.) ที่ห้องทำงานผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายนฤนาท สุภัทรประทีป นายอำเภอถลาง และ นายศุภชัย โพชนุกูล นายอำเภอเมือง สองนายอำเภอคนใหม่ เดินทางเข้ารายงานตัวและรับนโยบายจาก นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ...

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553

"ในหลวง"มีพระราชดำรัสผู้พิพากษาต้องตัดสินเป็นธรรม


เมื่อเวลา 17.44 น. วันนี้ (25 ม.ค.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จออก ณ ห้องประชุม ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายอักขราทร จุฬารัตน์ ประธานศาลปกครองสูงสุด นำ คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุด และตุลาการศาลปกครองชั้นต้น ตำแหน่งตุลาการ ศาลปกครองกลาง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่

ในโอกาสนี้ นายสุชาติ เวโรจน์ เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ร่วมเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ด้วย

ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชดำรัสแก่ตุลาการศาลที่เข้าร่วมถวายสัตย์ปฏิญาณ ดังนี้

ในการปฏิญาณนั้นคนรักษา คือคนที่ต้องตัดสินอะไรที่ควรไม่ควร ที่ดี ไม่ดี ท่านที่ปฏิญาณมีความสำคัญอยู่ไม่น้อย ท่านต้องจัดการปัญหาในการปกครองของประเทศให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และท่านมีอำนาจที่จะตัดสิน ที่จะพิพากษา ซึ่งหมายความว่าท่านจะต้องชี้แจงว่าอะไรควร อะไรไม่ควร เป็นงานที่ท่านต้องทำด้วยความละเอียดรอบคอบ และมีความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อให้ประเทศชาติมีความเป็นธรรม

ความเป็นธรรมนี้ก็หมายความว่า ทำอะไรที่เป็นจริง ที่เรียบร้อย ที่จะทำให้ผู้ได้มีความอยู่เย็นเป็นสุข เพราะฉะนั้นงานของท่านก็มีความสำคัญไม่น้อย การพิพากษาเป็นงานของผู้เป็นสมาชิกของศาล จะต้องพิพากษาเพื่อความเป็นธรรม หมายความว่าเป็นอะไรที่เรียบร้อยที่ถูกต้อง ที่ทำให้ทุกสิ่ง ทุกอย่างดำเนินได้ด้วยดี เพระาฉะนั้นท่านต้องมีหน้าที่สำคัญ และจะต้องทำตามคำพิพากษา คำปฏิญาณที่ท่านได้กล่าวในหน้าที่ของท่านต้องจำว่า ท่านได้ปฏิญาณตนว่าจะทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความเป็นธรรม อะไรที่เรียบร้อย ซึ่งเป้นการปฏิบัติไม่ใช่ง่าย เพราะแต่ละคนมีความคิดที่แตกต่าง การมีความคิดแตกต่างก็มีการตัดสินคดี เพราะการมีคดี คือเป็นเรื่องของคนที่มีความคิดแตกต่างกัน

เพราะฉะนั้นท่านต้องมาพิจารณาว่า อะไรที่มีความคิดแตกต่างกัน และให้เห็นว่าอะไรที่ควรจะทำ ที่เป็นกลาง ที่เป็นความจริง ที่เป็นความยุติธรรม ความยุติธรรมนี้หมายความว่า คนมีสติในธรรม ตัดสินว่าอะไรเป็นธรรม อะไรไม่เป็นธรรม บางเรื่องตัดสินไม่ง่าย เพราะแต่ละคนมีความคิดของตัว ถ้าใครมีทิฐิในทางของตัว ความยุติธรรมแท้จริงไม่ง่าย เพราะแต่ละคนมีความดีหรือที่เรียกว่ายุติธรรมแก่ตัว แท้จริงความยุติธรรมนั้นไม่ได้มีอันหนึ่งอันเดียว มีหลาย แล้วแต่ความต้องการ มีของแต่ละคน แต่ความต้องการของแต่ละคนต้องต่างกัน แต่ท่านจะต้องอยู่ตรงกลาง บางทีท่านอาจถูกว่าถูกกล่าวว่า เป็นคนที่ไม่ดี เพราะว่าไปตัดสินในสิ่งที่ไม่เป็นที่พอใจของอีกฝ่าย แต่ถ้าเราอยู่ตรงกลาง อันนี้คือข้อสำคัญของคนที่ทำหน้าที่รักษาความยุติธรรม ต้องเป็นกลาง ความเป็นกลางนี้ยากมาก เพราะว่าต้องมีความที่เป็นกลางนั้นเอง ท่านต้องไม่ลืมความเป็นกลาง ไม่ลืมความยุติธรรม

ถ้าท่านทั้งหลายได้ทำหน้าที่ของท่าน แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็เท่ากับท่านทรยศต่อความยุติธรรม การทรยศ ไม่มีใครอยากจะทำ ท่านอาจถูกมองทำ เป็นความไม่ดี เป็นความน่าเกลียด ฉะนั้นก็ต้องพิจารณาว่า ท่านปฏิญาณว่าจะรักษาความยุติธรรม ก็ต้องทราบว่า ความยุติธรรมนั้นเป็นอย่างไร แต่ละคดีก็มีความยุติธรรมของคดีนั้น ซึ่งถ้าท่านพิจารณา แล้วควรคิดว่าอะไรที่ยุติธรรม อะไรที่เป็นกลาง ท่านก็จะชนะในความจริง

ฉะนั้น ท่านต้องรักษาความยุติธรรมนี้และปฏิบัติด้วยความกล้าหาญ เหนียวแน่น แต่ถ้าท่านไม่มีความกล้าหาญ ไม่ว่าจะประการใดก็ตาม จะเป็นเรื่องของความไม่ยุติธรรมในตัวท่าน หรือมีความโง่เขลา ควรทำด้วยความฉลาดและทำให้เป็นกลางแท้ๆ อย่างนี้ท่านก็จะได้ทำตามหน้าที่ที่ท่านได้เป็นผู้พิพากษาให้ศาล ขอให้ท่านพิจารณาให้ดี ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ได้พิจารณา ตามที่ท่านได้ประสาทวิชาของท่าน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านได้ตั้งใจปฏิญาณ ต้องให้ทำตรงๆ จะเป็นทางที่ได้ทำหน้าที่แท้จริงของท่าน ก็ขอให้ท่านปฏิบัติงานของท่านต่อไป ด้วยความซื่อสัตย์ ด้วยความฉลาด ด้วยความสามารถที่จะรักษาความยุติธรรม ก็ขอให้ท่านมีความสำเร็จในการงาน ตลอดที่ท่านทำงานและทุกเวลา ทุกเมื่อ จนกระทั่งจะสิ้นชีวิต ต้องรักษาความยุติธรรม ก็ขอให้สามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นการดีของแต่ละท่นและเป็นการดีของประเทศชาติทำให้ประเทศชาติมีความสงบสุขได้ ขอให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสำเร็จ ...

ที่มา : มติชนออนไลน์

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

พ่อเมืองภูเก็ตร่วมส่ง นอภ.ขันตี



เมื่อเวลา 09.00 น วันนี้ (25 ม.ค) นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นางไทศิกา ไพรสงบ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ต นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต และข้าราชการ องค์กรเอกชน และประชาชน จำนวนมาก พร้อมใจกันมาให้กำลังใจแก่ นายขันตี ศิลปะ นายอำเภอเมืองภูเก็ต ที่ได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายไปดำรงตำแหน่ง "นายอำเภอเวียงสระ" จังหวัดสุราษฎร์ธานี ณ บริเวณด้านหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองภูเก็ต ...

ภาพโดย : บังเสริฐ

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

สปก.ภูเก็ต ยันเดินหน้ายึดคืนที่จากนายทุน


เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (25 ม.ค.) นายธีรวุฒิ ถาวรพัฒนพงศ์ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดภูเก็ต ได้กล่าวถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับที่ดิน สปก.4-01 ภูเก็ต ซึ่งมีข้อพิพาทมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2537 และทาง สปก.มีการฟ้องร้องต่อศาลเพื่อขออำนาจสั่งยึดคืนจากผู้ครอบครองโดยขาดคุณสมบัติการเป็นเกษตรกร หรือมีการครอบครองโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ขณะนี้มีการยึดคืนที่ดิน สปก.4-01 ภูเก็ตมาแล้วกว่า 300 ไร่ โดยเนื้อที่ทั้งหมดไม่มีการปลูกสิ่งก่อสร้างแต่อย่างใด ยังคงเป็นผืนป่าสมบูรณ์ ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ที่ศาลฏีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว

ขณะเดียวกัน สปก.ยังมีการยื่นฟ้องขับไล่ต่อศาลชั้นต้นอีก 2 คดี ซึ่งอยู่ระหว่างสืบพยานของศาล โดย 2 คดีนี้จะเป็นการฟ้องขับไล่ผู้ที่นำที่ดิน สปก.4-01 ภูเก็ตไปใช้ในการปลูกสิ่งก่อสร้างต่างๆ เช่น โรงแรมและสถานที่พักบริเวณหาดไตรตรัง ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เนื้อที่รวมกว่า 17 ไร่ ส่วนศาลอุทธรณ์ขณะนี้ไม่มีคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลแล้ว และในส่วนของศาลฎีกา ยังมีคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาอีก 6 คดี เป็นคดีฟ้องขับไล่ 5 คดีและฟ้องขุดตักหน้าดินอีก 1 คดี

"พื้นที่ สปก.4-01 ภูเก็ตที่ศาลฏีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วและมีการยึดคืนกลับมากว่า 300 ไร่นั้นได้มีมติให้มีการปลูกป่าทดแทน เพื่อปรับสภาพแวดล้อมให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง โดยปี 2552 ได้มีการปลูกป่าทดแทนไปแล้วกว่า 100 ไร่ และในปี 2553 จะมีการปลูกป่าเพิ่มเติมอีกทั้งหมด เพื่อฟื้นผืนป่าให้คืนสู่ธรรมชาติโดยเร็วที่สุดต่อไป" นายธีรวุฒิกล่าวทิ้งท้าย

สำหรับคดี สปก. 4-01 ที่จังหวัดภูเก็ต ถือเป็นคดีสำคัญในประวัติศาสตร์ เนื่องจากเป็นประเด็นที่ทำให้ นายชวน หลักภัย นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ต้องประกาศยุบสภา เนื่องจากฝ่ายค้านเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นผลงานความอัปยศของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับ นางอัญชลี วานิช เทพบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต และเป็นเลขาส่วนตัวนายสุเทพ โดยเป็นการเปิดประเด็นจากการมอบ สปก.4-01 ให้แก่ 19 นายหัวภูเก็ต โดยในจำนวนนั้นมีชื่อขอ นายทศพร เทพบุตร สามีของนางอัญชลี รวมอยู่ด้วย

ต่อมา เมื่อมีการเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลดังกล่าว จนกระทั่งนำไปสู่การฟ้องร้องคดีต่อศาล และศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้เหล่านายทุนเกือบทั้งหมดเป็นผู้ชนะคดี แต่ได้มีการยื่นอุทธรณ์ และฎีกา ซึ่งคดีล่าสุด ศาลจังหวัดภูเก็ต นัดอ่านคำพิพากษาศาลฏีกา เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2550 ที่ผ่านมา ในคดีที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร(ส.ป.ก.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องขับไล่ออกจากที่ดิน ส.ป.ก.4-01 แปลงที่ 140 ม.2 ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ของ นายทศพร เทพบุตร สามีนางอัญชลีฯ ซึ่งศาลฏีกาได้พิพากษายืนตามศาลอุธรณ์ ให้จำเลยออกจากที่ดินแปลงพิพาท

ทั้งนี้ สาระสำคัญของ คำพิพากษาศาลฎีกา ดังกล่าว ซึ่ง นายมนตรี สาโรช พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ ลักษณะสมบูรณ์ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดภูเก็ต ได้ออกนั่งบัลลังค์อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 มิถุนายน 2550 ที่ศาลจังหวัดภูเก็ต ใน คดีหมายเลขดำที่ 1765/2541 คดีหมายเลขแดงที่ 1485/2544 สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) เป็นโจทก์ ฟ้อง นายทศพร เทพบุตร จำเลย เรื่องขับไล่ออกจากที่ดินจำนวน 98-1-7 ไร่ ในการอ่านคำพิพากษาครั้งนี้มี นายสุทธวัชร นาคสวาทดิ์ นิติกร 5 ส.ป.ก. ฝ่ายโจทก์ มานั่งพังคำพิพากษา ส่วนฝ่ายจำเลยได้ส่งทนายมาฟังคำพิพากษาเช่นกัน

โดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยอ้างว่าที่ดินพิพาทเดิมเป็นของ นายจรัญ ตุ้งกู ซึ่งได้ครอบครองที่พิพาทมาตั้งแต่ปี 2499 และได้โอนให้จำเลยเจ้าครอบครองทำประโยชน์ตั้งแต่ปี 2532 เป็นต้นมา โจทก์ไม่มีสิทธิขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินดังกล่าวนั้น

ศาลฎีกาเห็นว่า การจะได้ที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น ได้มีบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 มาตรา 5 ว่าให้ผู้ที่ครอบครองที่ดินอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับโดย ไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินต้องแจ้งการครอบครองที่ดินต่อนายอำเภอท้องที่ภายใน 180 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ มาตรา 3 บุคคลจะมีกรรสิทธิ์ที่ดินจะต้องได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ตามบทกฎหมายก่อนวันที่ ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ และมาตรา 4 บุคคลได้มาซึ่งสิทธิครอบครองในที่ดินก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ ให้มีสิทธิครอบครองสืบไปและคุ้มครองตลอดถึงผู้รับโอนด้วย แต่กรณีของนายจรัญได้ครอบครองที่ดินพิพาทสืบต่อมาจากบิดาของนายจรัญซึ่งครอบครองในปี 2499 อันเป็นเวลาภายหลังพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 ประกาศใช้แล้ว และไม่ปรากฎว่าได้ครอบครองที่ดินโดยชอบตามบทกฎหมายใด การครอบครองของนายจรัญจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ดินจึงไม่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนายจรัญ นอกจากนี้ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 2 ยังบัญญัติว่าที่ดินซึ่งมิได้เป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลใดให้ถือว่าเป็นของรัฐ ดังนั้นที่ดินที่นายจรัญครอบครองจึงต้องถือว่าเป็นที่ดินของรัฐอยู่ จำเลยรับโอนมาจากนายจรัญจึงไม่มีสิทธิ์ดีกว่า โจทก์จึงมีสิทธิ์นำที่ดินดังกล่าวมาปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมได้

ส่วนจำเลยเป็นเกษตรกรตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 หรือไม่นั้น มาตรา 4 ให้คำนิยามไว้ว่า "เกษตรกร" หมายความว่า ผู้ประกอบวิชาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก แต่ข้อเท็จจริงปรากฎว่าจำเลยมีที่ดินอยู่ที่ในตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง 3 แปลง อยู่ในตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต 22 แปลง กับมีชื่อเป็นกรรมการบริษัท เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด จำเลยจึงไม่ใช่ผู้ประกอบวิชาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก และไม่ใช่ผู้ที่ไม่มีที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเป็นของตนเองและประสงค์จะประกอบ วิชาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก จำเลยจึงไม่ใช่เกษตรกร ตามความหมายของพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อ เกษตรกรรม พ.ศ. 2518 โจทก์มีสิทธิ์นำที่ดินพิพาทมาปฏิรูปที่ดิน

จึงพิพากษายืน ...

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์