ถึงนาทีนี้คงไม่มีอะไรจะเป็นรางวัลปลอบใจค่ายเพื่อแผ่นดินในปีกของกลุ่มวังพญานาค กลุ่มโคราช และกลุ่มสุรินทร์ ถือว่าเล่นบทของตัวเองได้ดีที่สุดแล้ว
เอาเป็นว่า ถ้ายึดกันตามความชอบธรรม
ก็เป็นคนนอกพรรคที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอย่าง นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ช่วยการันตี พรรคเพื่อแผ่นดินไม่ได้ผิดมารยาท ถ้าเอาออกจากพรรคร่วมรัฐบาลก็ประหลาด คนที่ถูกไม่ไว้วางใจกลับได้อยู่ต่อแล้วจะตอบสังคมได้อย่างไร ต้องถามหาบรรทัดฐานจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
เพราะมันมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ย้อนกลับไปยุครัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ตอนนั้นพรรคประชาธิปัตย์ก็เคยงดออกเสียงให้ ร.ต.อ.สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ รัฐมนตรีในโควตาของพรรคกิจสังคม จนต้องหลุดจากตำแหน่ง ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ยังได้อยู่ร่วมรัฐบาลต่อไป
แต่พูดไปก็เท่านั้น บังเอิญการเมืองไทยวัดกันด้วยเสียง ไม่ได้ตัดสินจากความชอบธรรม
เอาเป็นว่า อย่างน้อยก็ได้บันทึกไว้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในการลงมติญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2553 ส.ส.เพื่อแผ่นดินในสายของว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี , นายพินิจ จารุสมบัติ , นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ ได้ใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ในการทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร รักษาผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน เป็นใบรับประกันมาตรฐาน เพื่อโอกาสดีๆทางการเมืองในอนาคตอันใกล้
ตามสถานการณ์ที่เซียนการเมืองทุกสำนักฟันธงตรงกัน โดยสภาพ "รัฐบาลปะผุบุโรทั่ง" น่าจะลากถูลู่ถูกังต่อไปได้อีกไม่นาน
เดี๋ยวก็จอดป้าย
และโดยปัจจัยนี้แหละ น่าจะเป็นตัวกระตุ้นให้ "ลุยถั่ว" ภายใต้เงื่อนไข "คงไม่มีโอกาสอีกแล้ว" สำหรับคนชื่อ "อภิสิทธิ์" ที่สำรวจเส้นทางในการหวนกลับมาเบิ้ลเก้าอี้นายกรัฐมนตรี มองทางไหนก็ประตูล็อกตาย
มันก็ไม่มีอะไรดีกว่า ต่อลมหายใจ ยื้อเวลาอยู่บนอำนาจให้นานสุดเท่าที่จะนานได้ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องมาตรฐานทางการเมือง
เรื่องของเรื่องจับอารมณ์จาก "เทพเทือก" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ผู้จัดการใหญ่รัฐบาล ที่ยอมรับแบบหน้าชื่นตาบาน ลักษณะของการจัดรัฐบาลร่วมมันมีการพิจารณาเป็นส่วนๆ มาตั้งแต่ต้นแล้ว ตอนที่เริ่มจัดตั้งรัฐบาลก็ได้คำนึงถึงว่า แต่ละพรรคมีกลุ่มต่างๆ กี่กลุ่ม ดังนั้นรัฐบาลวันนี้ ถ้าเป็นชื่อก็อาจจะใช่ว่ายังมีพรรคเพื่อแผ่นดินอยู่ แต่ถ้าเป็นกลุ่มก็อาจจะไม่ใช่
เปิดทาง "มั่ว" ลูกพรรคคนอื่นแบบนิ่มๆ
พรรคเพื่อแผ่นดินถูกกระทำย่ำยีไม่เหลือชิ้นดี สังเวยเกมของเซียนเขี้ยวลากดินยี่ห้อประชาธิปัตย์ ที่ได้ทีฉวยโอกาสยึดโควตารัฐมนตรีของกลุ่มวังพญานาค กับกลุ่มโคราช กลับมาเป็นกองกลาง
จัดสรรปันส่วนซื้อใจพวกอกหัก ก่อนถึงไฟต์บังคับลงสนามเลือกตั้ง
ถึงตรงนี้มันชักน่าเอะใจ ข้ออ้างเรื่องมารยาททางการเมือง หรือโบ้ยเป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลขัดกัน มันก็แค่จังหวะลูกไหลเข้าทางบาทา
จริงๆแล้วประชาธิปัตย์จ้องฮุบโควตารัฐมนตรีคืนอยู่แล้ว
"อภิสิทธิ์" เหี้ยมลึก "เทพเทือก" โหดสมราคา
บทพิสูจน์ยี่ห้อ "ประชาธิปัตย์" คบยาก เห็นจะจะกันแล้ว กับวิบากกรรมของพรรคเพื่อแผ่นดิน และน่าจะเป็นสัญญาณให้
นักเลือกตั้งอาชีพที่คบหากันด้วยใจ ทั้งยี่ห้อ "บรรหาร ศิลปอาชา-สุวัจน์ ลิปตพัลลภ-สุวิทย์ คุณกิตติ-สมศักดิ์ เทพสุทิน" ต้องคุมเชิง รักษาระยะห่างให้ดี
อนาคตถ้าจะจับมือร่วมงานการเมืองกัน ต้องนั่งคิดหลายตลบ
สรุปแล้วมีคนเดียวที่เหนือกว่าทั้ง "อภิสิทธิ์" บวกกับ "เทพเทือก" ก็คือยี่ห้อ "เนวิน ชิดชอบ" ที่ยังกระตุกขวัญคนประชาธิปัตย์ได้ แค่คำราม ทุกอย่างก็เป็นไปตามบัญชา
"เทพเทือก" บวกกับ "อภิสิทธิ์" ยังหือไม่ได้
นี่แหละ "ผู้ถือดุลรัฐบาล" ตัวจริง...
...ทีมข่าวการเมือง รายงาน
----------------------------------------------------------
ที่มา :http://www.thairath.co.th/column/pol/wikroh/87431
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น