วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2552

"หลวงพี่"ร้องขอความเป็นธรรม !!!


เมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ (17 ธ.ค.) ที่ศูนย์บริการสื่อมวลชนภูเก็ต ชมรมผู้สื่อข่าวภูเก็ต ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต พระทศภณชนะ กมมฺสุทโธ อายุ 64 ปี ซึ่งพำนักอยู่ ณ ที่พักสงค์ถ้ำเทพประธาน บ้านหนองพูด หมู่ 3 ต.ทับปริก อ.เมือง จ.กระบี่ ได้เข้ามาร้องขอความเป็นธรรม ต่อสื่อมวลชนจังหวัดภูเก็ต ถึงกรณีที่มีสื่อมวลชนหลายแขนงนำเสนอพระขับจักรยานยนต์ออกบิณฑบาต โดยไม่สนใจสายตาชาวบ้านที่พากันสงสัยว่าน่าจะผิดวินัยสงฆ์ ตามที่ปรากฎเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น

พระทศภณชนะ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นการบิดเบือนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสื่อต่างๆ ที่ได้ลงข่าวถึงกรณีได้พบเห็นพระสงฆ์ขับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นโนวา เลขทะเบียน กลฉ 886 สุราษฎร์ธานี ออกมาบิณฑบาต ในช่วงเส้นทางต.ทับปริก – ต.คลองใหญ่ ว่าน่าจะผิดวินัยสงฆ์นั้น การลงข่าวในลักษณะดังกล่าว เป็นการชี้นำความคิดต่อชาวบ้านของสื่อ โดยที่ไม่เคยสอบถามข้อเท็จจริงหรือสาเหตุที่ตนต้องขับรถจักรยานยนต์ออกบิณฑบาต ได้สร้างความเสียหายให้กับตนเป็นอย่างมาก เพราะทำให้ประชาชนที่ไม่รู้ไม่เข้าใจถึงวินัยสงฆ์ เข้าใจไปว่าตนได้ทำความผิดไปแล้ว ทั้งที่ข้อเท็จจริงการขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ได้เป็นความผิดทางวินัยสงฆ์แต่อย่างใด

นอกจากนั้นตนยังได้ขออนุญาตต่อทางเจ้าคณะตำบลคลองคราม และตำบลทับปริก ซึ่งเป็นพระปกครองในพื้นที่แล้วเกี่ยวกับการใช้รถจักรยานยนต์ในการเดินทางบิณฑบาต เนื่องจากต้องออกมาบิณฑบาตในพื้นที่ห่างไกล โดยระยะทางที่เดินทางไปนั้นเป็นระยะทาง 8-12 กม. ซึ่งเจ้าคณะตำบลก็ได้อนุญาตแล้ว

สำหรับเหตุผลที่ต้องออกมาบิณฑบาตห่างไกลจากที่พัก ก็เนื่องจากว่า ตนมีความขัดแย้งกับข้าราชการระดับสูงของอำเภอเมืองกระบี่คนหนึ่ง ที่ต้องการที่ดินที่พักสงฆ์แห่งนี้ ที่มีเนื้อที่ 30 ไร่ 97 ตาราวา นำไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัว โดยที่ดินบริเวณนี้มีถ้ำธรรมชาติที่สวยงามหลายถ้ำ มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ข้าราชการคนดังกล่าวจึงร่วมมือกับผู้นำชุมชน ยุยงให้ชาวบ้านเกลียดชังตน โดยกล่าวหาว่าตนเป็นคนพูดจารุนแรง และพยายามขับไล่ให้ออกจากพื้นที่ แต่ที่จริงแล้วที่ดินดังกล่าวนั้น ตนได้รับหนังสือแสดงการเข้าร่วมโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ร่วมกับพระสงฆ์ในพื้นที่ป่าไม้ จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว ซึ่งตนก็ต้องรักษาพื้นที่ป่าแห่งนี้ไม่ให้ใครมารุกลาน ทำให้เจ้าหน้าที่ดังกล่าวไม่พอใจตน

นอกจากนี้
ในส่วนข้อกล่าวหาว่า ตนพูดจารุนแรงทำให้ชาวบ้านไม่ชอบนั้น ก็ไม่เป็นความจริงทั้งหมด ตนว่ากล่าวเฉพาะกับพวกที่เข้ามาทำลายสิ่งแวดล้อมในบริเวณที่พักสงฆ์เท่านั้น ก่อนที่จะมาพบสื่อมวลชน ตนได้แจ้งความร้องทุกข์ ในเรื่องการลงข่าวไม่เป็นจริง และการเข้ามาทำลายสิ่งแวดล้อมในบริเวณที่พักสงฆ์ ไว้กับ สภ.เมืองกระบี่แล้ว

ส่วนเรื่องข้าราชการที่ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ที่พยายามกลั่นแกล้งเพื่อให้ตนออกไปจากพื้นที่นั้น เรื่องนี้ตนได้ร้องเรียนต่อ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, สำนักงานปปช. และ ร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งตนคาดว่าจะมีผลดำเนินการออกมาในเร็วๆ นี้ ...

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น