วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

คิดเพื่อตัวเองไว้ก่อน...!!!!


ไม่สนปรองดองด้วย

ในอารมณ์ของ "คนที่รักมากจะโกรธมากที่สุด" ก็พอเข้าใจอาการที่ขาใหญ่ม็อบพันธมิตรฯ เฮี้ยวใส่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เล่นบทคัดค้านหัวชนฝา ไม่เอาด้วยกับโรดแม็ปสมานฉันท์กับคนเสื้อแดง

ถึงขั้นที่ "อภิสิทธิ์" เจอสบถด่าแรงๆ "ไอ้เฮงซวย"

ตามจังหวะตีปี๊บโหมกระแส "คนเคยรักมากก็เกลียดมาก" หันปลายกระบอกปืนเข้าใส่นายกฯอภิสิทธิ์ โทษฐานขัดอกขัดใจไปสมานฉันท์กับศัตรูร่วมทางการเมือง

ดูกันตามเกมก็เข้าทางแผนเบี้ยวเนียนๆของฝ่ายคุมเกมอำนาจ อ้างเป็นเหตุล้มกระดานโรดแม็ป "อภิสิทธิ์" ในจังหวะสุดท้าย

แต่ที่ลึกไปกว่านั้น โดยนัยแฝงที่หวังได้ คิวนี้แกนนำม็อบพันธมิตรฯในอีกคราบพรรคการเมืองใหม่ ก็ได้จังหวะ "ขย่มแต้ม" ฉวยกระแส "ตีกิน" พระเอกอย่างนายกฯอภิสิทธิ์

แย่งฐานเสียงที่ทับสัมปทานอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์

กระตุกคะแนนนิยม หลังปรากฏการณ์ "ม็อบไปเช้าเย็นกลับ" โดยการขยับทัพเสื้อเหลืองออกมาคำรามขู่ให้รัฐบาลและกองทัพจัดการขั้นเด็ดขาดกับม็อบเสื้อแดง พร้อมๆ กับแตกเครือข่ายเป็นม็อบคนเสื้อหลากสีกระจายส่วนแบ่งการตลาด เพิ่มฐานระดมมวลชน

แต่ไม่เป็นผล เสียงไม่พอกระตุ้นคิวลุยหักดิบม็อบแดง ในอารมณ์ที่สังคมยังคาใจภาพม็อบเสื้อเหลืองยึดสนามบินติดลบ ไม่มีใครดีกว่ากัน

ขณะที่พระเอกคนสำคัญอย่าง นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำใหญ่ ในฐานะหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ก็หายไปจากจอในห้วงหัวเลี้ยวหัวต่อ

เรตติ้งฝ่อลงไปถนัดตา

เอาเป็นว่า โดยกระแสและความพร้อมที่จับอาการได้ ขืนเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 14 พฤศจิกายน ตามโรดแม็ปของนายกฯอภิสิทธิ์

ยี่ห้อ "พรรคการเมืองใหม่" มีหวัง "จั่วลม" งานนี้เลยต้องโหม "กระแสหมั่นไส้อภิสิทธิ์" ชิงปั่นเรตติ้งกันอีกรอบ

แต่คิวนี้ก็ไม่ง่ายเหมือนลุยกับผู้ร้ายหน้าเหลี่ยมยี่ห้อ "ทักษิณ" เพราะขาใหญ่ม็อบพันธมิตรฯ ต้องชนกับพระเอกรูปหล่อ พ่อยกแม่ยกเยอะยี่ห้อ "อภิสิทธิ์" ที่ลงทุนถึงขั้นต่อโทรศัพท์ สายตรงเคลียร์กับแฟนคลับแบบตัวต่อตัว

อ้อนกันแบบถึงลูกถึงคน เจอมุกนี้เข้าไป พ่อยกแม่ยกไม่ใจอ่อนระทวยให้รู้ไป

แต่ทั้งหมดทั้งปวง มาถึงวันนี้ ในสภาพของ "อภิสิทธิ์" ที่มอมแมมกับคราบเลือด สะบักสะบอมจากบท "หนังหน้าไฟ" ของพวกโหนกระแสฝ่ายถืออำนาจ

หมดสภาพของ "คุณชายสะอาด" คงต้องคิดเพื่อตัวเองและคนรอบข้างมากกว่าคนอื่นแล้ว

เหนืออื่นใด ตามคิวที่นายพนิช วิกฤตเศรษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ สั่งเกาะติดกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ว่าจ้างบริษัทกฎหมายระดับโลกของประเทศเนเธอร์แลนด์ ในการช่วยกลุ่ม นปช.สู้คดีในระดับสากล

โยงกับคิวที่ "เดอะอ๋อย" นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แถลงจองกฐิน ตั้งแท่นฟ้องนายกฯอภิสิทธิ์ต่อศาลคดีอาญาระหว่างประเทศ ที่กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ ต่อกรณีการปะทะระหว่างทหารกับม็อบ นปช.

ฐานเป็นผู้นำพลเรือนที่สั่งทหารใช้อาวุธปราบปรามประชาชน จนมีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บเป็นจำนวนมาก เป็นการละเมิดสิทธิความเป็นมนุษย์และขัดต่อหลักปฏิบัติสากล

"อภิสิทธิ์" ยังมีชนักปักคาอยู่

ไม่ว่าจะโยนให้เป็นฝีมือไอ้โม่งชุดดำ โยงขบวนการก่อการร้ายแฝงในม็อบเสื้อแดง ยังต้องพิสูจน์กัน แต่กับฉากที่เห็นตรงหน้าปรากฏสู่สายตาทั่วโลก ทหารถืออาวุธปืนเอ็ม 16 พร้อมกระสุนจริง เปิดปฏิบัติการลุยสลายม็อบตอนกลางคืน

ไม่สนเสียงทัก คุมความเสียหายไม่ได้

ในฐานะของผู้นำเบอร์หนึ่งที่มีอำนาจสั่งการสูงสุด "อภิสิทธิ์" ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบต่อความสูญเสียได้ ยิ่งขืนปล่อยให้ลากเกม "แลกเลือด" กันต่อไป ในจังหวะที่เห็นกันอยู่ว่า อาจมีคนบาดเจ็บล้มตายอีกนับไม่ถ้วน

ถึงขั้นนั้น วันที่ต้องขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ ต่อให้คนรักมากยังไง ก็คงไม่มีใครยอมรับโทษกับ "อภิสิทธิ์" ด้วย...

ทีมข่าวการเมือง รายงาน

ที่มา : http://www.thairath.co.th/column/pol/wikroh/81598
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น