วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แจ้งเลื่อน “พิธีถวายสัตย์-สวนสนาม”

ประกาศสำนักราชเลขาธิการ ประจำวันที่ 30 พ.ย. 52

แถลงข่าว สำนักราชเลขาธิการ

เรื่อง การพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พุทธศักราช 2552

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ การพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พุทธศักราช 2552 ดังนี้

1. วันพุธที่ 2 ธันวาคม 2552 พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ ประจำปี 2552 ให้เลื่อนออกไปก่อน

2. วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม 2552 ตามที่คณะบุคคลและประชาชน ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสเข้าเฝ้า ฯ ถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2552 ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา เช่นทุกปี นั้น ให้เลื่อนออกไปก่อน

3. วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม 2552

– เวลาเช้า เสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เฝ้า ฯ ถวายพระพรชัยมงคล

- เวลาบ่าย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์

4. วันอาทิตย์ ที่ 6 ธันวาคม 2552 เวลาเช้า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ เลี้ยงพระ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย

5. วันอังคาร ที่ 8 ธันวาคม 2552 เวลาบ่าย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฏราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต คณะทูตเฝ้า ฯ ถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2552

จึงแถลงข่าวมาให้ทราบโดยทั่วกัน

สำนักราชเลขาธิการ

30 พฤศจิกายน 2552

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

เตือน !!! ขายกระเช้ามีเหล้าอาจติดคุก


นพ.ทักษพล ธรรมรังสี ผอ.ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา กล่าวว่า ตามที่คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ออกประกาศเรื่องการจัด จำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยระบุชัดเจนว่าการจัดจำหน่ายกระเช้าของขวัญสำเร็จรูปที่มีเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์รวมอยู่ด้วยหรือการจัดกระเช้าของขวัญที่เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งหมดไม่สามารถกระทำได้ เพราะเป็นความผิดตามมาตรา 30 (5) มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจผิดตามมาตรา 32 เพราะเป็นการกระทำที่มีลักษณะเป็นการโฆษณาหรือการสื่อสารการตลาด ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และต้องระวางโทษปรับวันละไม่เกิน 5 หมื่นบาท ตลอดระยะเวลาที่ยังฝ่าฝืน จนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ...

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

รพ.กรุงเทพภูเก็ตจัดกิจกรรมปลุกป่า ครั้งที่ 3


นพ.บดินทร์ ละเอียด รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต และ ปารียา จุลพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจสาธารณะ นำทีมอาสาสมัครทั้งคณะแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาลฯ ตลอดจนชาวภูเก็ตกว่า 90 คน เข้าร่วมกิจกรรมปล่อยเต่าคืนสู่ทะเลที่ฐานทัพเรือทับละมุและร่วมกันปลูกต้นกล้าโกงกางกว่า 3,000 ต้น บนพื้นที่ 4 ไร่ บริเวณปากคลองทุ่งมะพร้าว ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ในโครงการปลูกโกงกางเฉลิมพระเกียรติฯ ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยได้รับเกียรติจากนางดรุณี พาลุสุข นายกเหล่ากาชาด จ.พังงา เป็นประธานในพิธี พร้อมกับร่วมกิจกรรมกับเหล่าอาสาสมัครในบรรยากาศเป็นกันเอง ทั้งนี้ทางโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตได้สานต่อโครงการนี้เป็นปีที่ 3 เพื่อช่วยฟื้นฟูพื้นที่ป่าโกงกางที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์สึนามิให้คืนความอุดมสมบูรณ์ดังเดิม และหวังสร้างจิตสำนึกที่ดีให้แก่บุคคลากรภายในโรงพยาบาลฯ รวมถึงเยาวชนและคนในชุมชนให้ตระหนักถึงความสำคัญของป่าชายเลนและร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนต่อไป ...




Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันที่ 30 พ.ย. 2552


ทีมา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันที่ 30 พฤสจิกายน 2552

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

แดงภาคเหนือตั้ง "สภาแดงล้านนา"


วันนี้ (29 พ.ย.) เวลา 15.00 น. กลุ่มแกนนำคนเสื้อแดงจาก 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน มีเชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แพร่ น่าน เชียงราย พะเยา และแม่ฮ่องสอน จำนวนกว่า 200 คนได้มารวมตัวกันที่บริเวณด้านข้างอนุสาวรีย์ 3 กษัตริย์ กลางเมืองเชียงใหม่ เพื่อปฎิญาณจะเกาะกลุ่มกันในการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันโดยใช้ชื่อว่า "สภาแดงล้านนา" โดยมี นายชรุท ปราชญ์วีระกุล เป็นประธานสภา และยกให้เชียงใหม่เป็นเมืองหลวงในการดำเนินแนวทางต่อสู้ โดยมี นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน และ นายธเนศวร์ เจริญเมือง นักวิชาการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เดินทางมาร่วมเป็นสักขีพยานในการรวมตัวกันครั้งนี้

ทั้งนี้ แกนนำทั้งหมดมีจำนวนกว่า 50 คนจาก 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้ร่วมกันจับมือประกาศจุดยืนหน้าอนุสาวรีย์ 3 กษัตริย์ ว่า ชาวเสื้อภาคเหนือล้านนา จะจับมือกันแน่นปั้นเป็นข้าวเหนียวปั้นใหญ่ๆเพื่อ ต่อสู้กับระบบอำมาตย์ และเป็นการแสดงจุดยืนว่าเสื้อแดงล้านนา ไม่ได้แตกแยกกันแต่อย่างใด และจะรวมกันเป็นปึกแผ่นกันในกลุ่ม 8 จังหวัด การต่อสู้ในครั้งนี้มีเป้าหมายชัดเจนเพื่อค่อนล้มอำมาตย์ให้เป็นไปในทิศทาง เดียวกัน

นายชรุท ปราชญ์วีระกุล ประธานสภาแดงล้านนา ได้เปิดเผยว่า จุดยืนของแดงล้านนาที่เกิดขึ้นก็เพราะ ประเทศไทยทุกวันนี้ยังขาดความยุติธรรม ในเรื่องการปกครองยังไม่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ยังถูกกดดันหรือครอบงำจากอำมาตย์ที่คอยบงการอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น 8 จังหวัดภาคเหนือจึงได้รวมกันเพื่อต่อสู้โดยลงนามในปฎิญาสากลว่าด้วยการ ต่อสู้ของสภาแดงล้านนา ทั้งนี้คนล้านนา 8 จังหวัดจะต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคภายใต้คำขวัญว่า"เราจะไม่ทิ้งกัน" จึงขอประกาศ จุดยืนและการเคลื่อนจะเป็นไปในแนวทางเดียวกันต่อไป จากนั้นจึงได้มีการเคลื่อนขบวนไปตามถนนสายต่างๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ...

ที่มา : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์









ขอขอบคุณภาพจาก โจนาทาน จากเวปประชาไทย

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันที่ 29 พ.ย. 2552


ที่มา : น.ส.พ.ประจำวันที่ 29 พฤศจิกายน 2552

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

หอการค้าเสฉวนเยือนหอการค้าภูเก็ต


Mr.Li Gang ประธานสมาคมหอการค้ามณฑลเสฉวน (ที่ 3 จากขวา) และอธิบดี เดินทางเยือนประเทศไทยโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริหารระดับสูงทั้งสองฝ่าย และเข้าพบเพื่อเยี่ยมคารวะ นายแพทย์ศิริชัย ศิลปอาชา ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต และคณะกรรมการบริหารหอการค้าฯ เพื่อหารือสร้างความสัมพันธ์ด้านการค้าและการท่องเที่ยว ระหว่างจังหวัดภูเก็ตกับมณฑลเสฉวน ณ สำนักงานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2552 ที่ผ่านมา ...

ที่มา : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันที่ 27 พ.ย. 2552


ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันที่ 27 พฤศจิกายน 2552

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

รมช.คมนาคม ตรวจราชการภูเก็ต


เช้าวันนี้ (26 พ.ย.) นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยคณะ เดินทางตรวจราชการที่ท่าเทียบเรือสำราญกีฬาหรือ ท่ามารีน่าของโครงการ อ่าวปอ แกรนด์ มารีน่า อ่าวปอ หมู่ที่ 6 ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เพื่อตรวจสอบความเหมาะสมของการวางทุ่นป้องกันคลื่นด้านตอนเหนือของโครงการ ที่ภาคเอกชนกำลังยื่นขออนุญาตจากกรมเจ้าท่า เพื่อป้องกัน คลื่นลมแรง ในหน้ามรสุม เพราะในช่วงที่ผ่านมา เมื่อเริ่มเปิดให้บริการ ปรากฏว่าท่ามารีน่านี้ได้รับความเสียหายบางส่วน และ ในปัจจุบันได้เริ่มทดลองติดตั้งทุ่นป้องกันคลื่น ขนาด กว้าง55 เมตร และยาว 250 เมตรแล้ว เมื่อกรมเจ้าท่า อนุญาตให้ดำเนินการติดตั้งได้ ในโครงการจริง จะมีขนาดกว้าง 60 เมตร ยาว 360 เมตร ในเรื่องนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมแจ้ง ต่อ ผู้ประกอบการตอนหนึ่งว่า จะรวบรวมข้อมูล เพื่อประชุมคณะกรรมการพิจารณาสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ ของกรมเจ้าท่าต่อไป และในเบื้องต้น เห็นควรที่จะให้อนุญาตติดตั้งทุ่นกันคลื่นนี้ เป็นการชั่วคราวในหน้ามรสุม และรื้อถอนออกไปหลังจากนั้น และทราบว่า ไม่มีปัญหากับเรือประมงชายฝั่งและเรือขนาดใหญ่ ไม่ได้แล่นผ่าน บริเวณดังกล่าว

สำหรับท่าเทียบเรืออ่าวปอสร้างขึ้นเนื่องจากท่าเทียบเรือเดิมมีสภาพชำรุดทรุดโทรมมาก อาจทำให้เกิดอันตรายและสร้างความไม่สะดวกให้กับนักท่อง เที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ และจังหวัดตรัง จึงมีการสร้างท่าเทียบเรือที่บริเวณอ่าวปอให้มีมาตรฐานและความปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยวและประชาชนผู้ใช้สัญจรไปมา ทางน้ำให้ได้รับความสะดวก และเพื่อเป็นการเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวระหว่างจังหวัดฝั่งอันดามันให้ครอบคลุมอย่างทั่วถึงกันต่อไป ...

ที่มา : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันที่ 26 พ.ย. 2552


ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันที่ 26 พฤศจิกายน 2552

กองเรือภาค 3 ร่วมถวายพระพร


พล.ร.ท.ชุมนุม อาจวงษ์ ผบ.ทรภ.3 ร่วมกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในสังกัด ร่วมในพิธีบันทึกเทปรายการถวายพระพรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 82 พรรษา 5 ธันวาคม 2552 ณ ห้องส่งสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) จังหวัดภูเก็ต เมื่อ 25 พ.ย.52 ...

ที่มา : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

แห่โลงร้องผู้ว่าฯ วิฯเหยื่อลักทรัพย์


ญาติแห่ศพเหยื่อวิสามัญฯขอความเป็นธรรม ผู้ว่าฯภูเก็ต ระบุตำรวจทำเกินกว่าเหตุ พ่อเมืองรับดูแลให้ พร้อมมอบเงิน 10,000 บาทให้ลูกชายผู้ตายเป็นทุนการศึกษา สั่ง ผู้การภูเก็ตเร่งหาข้อเท็จจริง

เมื่อเวลา 10.20 น.วันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา ที่บริเวณทางขึ้นศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ได้มีกลุ่มชาวบ้านนับสิบคน พร้อมเขียน ข้อความบนป้ายกระดาษ "ฆ่าพ่อหนูทำไม" และ "ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ" พร้อมใช้รถยนต์กระบะบรรทุกโลงศพ นายองอาจ รอดประดิษฐ์ อายุ 32 ปี เหยื่อที่ถูกชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ตวิสามัญฆาตกรรมหลังร้านเช่าพระไม่มีชื่อ-เลขที่ ตรงข้ามร้านเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาสวนหลวง ร.9 ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก ต.ตลาดเหนือ อ.เมืองภูเก็ต ช่วงบ่ายวันที่ 23 พ.ย. เพื่อขอความเป็นธรรมต่อ นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต โดยมี นายวิชิต รอดประดิษฐ์ อายุ 55 ปี บิดาของนายองอาจ และ เด็กชายอนุพนธ์ รอดประดิษฐ์ อายุ 12 ปี บุตรชายนายองอาจนั่งร้องไห้อยู่ข้างโลงศพ

นายวิชิต รอดประดิษฐ์ บิดาของนายองอาจ กล่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า ยอมรับว่าลูกชายตนอาจหลงผิดทำตัวเป็นโจร แต่ไม่เคยไปทำร้ายหรือฆ่าใครมาก่อน ผิดก็จับมาลงโทษไปตามกฎหมาย ไม่ใช่มายิงทิ้งตามอำเภอใจ ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ มีชาวบ้านเห็นเหตุการณ์พฤติกรรมของตำรวจที่ลงมือฆ่าลูกชายตนเป็นจำนวนมาก แต่ไม่อยากจะมายุ่งเกี่ยว เพราะเกรงลำบากไปด้วย อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า หลังตำรวจวิ่งไล่จับผู้ต้องหาได้แล้ว ลากตัวไปที่หลังร้านเช่าพระบริเวณที่เกิดเหตุและลงมือซ้อมจนเหยื่อใบหน้าบวมช้ำและยกมือไหว้ขอชีวิต แต่ตำรวจไม่ยอม กระทั่งเสียชีวตดังกล่าว

บิดาเหยื่อร้องขอความเป็นธรรมใน 3 ประเด็น ประกอบด้วย 1.หากมีโจรลักเล็กขโมยน้อยเช่นเดียวกับลูกชายของตนเอง ตำรวจจะยิงทิ้งทั้งจังหวัดหรือไม่ 2.ตำรวจเอาอะไรมาเป็นเกณฑ์ตัดสินยิงชีวิตประชาชนทิ้ง และ 3.หากมีตำรวจคิดตัดสินคดีด้วยวิธีเช่นนี้ จะมีศาลยุติธรรมไว้เพื่ออะไร

"ความจริงเมื่อจับตัวลูกชายได้แล้ว ทำไมไม่เอาตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย หมายจับที่ตำรวจบอกว่ามีก็ให้ดำเนินการไป ลูกชายทำผิดก็ต้องติดคุก เพื่อชดใช้กรรมจากการกระทำ แต่ไม่ใช่มาตายเพื่อชดใช้กรรม เหตุที่ก่อก็เป็นเพียงคดีลักทรัพย์ ไม่ใช่คดีฆ่าข่มขืนใคร จึงอยากให้ ผู้ว่าฯภูเก็ตในฐานะพ่อเมืองสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และให้ความเป็นธรรมกับคนตาย พร้อมดำเนินคดีกับตำรวจที่ก่อเหตุด้วย โดยจะตั้งศพลูกชาย สวดอภิธรรมที่วัดโฆษิตวิหาร อ.เมืองภูเก็ต แต่จะไม่เผาศพจนกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะกระจ่างชัด" นายวิชิตกล่าว

ต่อมา นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้เดินทางมาพบกับนายวิชิตและกลุ่มชาวบ้าน เบื้องต้นได้มอบเงินส่วนตัว จำนวน 10,000 บาท ให้แก่เด็กชายอนุพนธ์บุตรชายนายองอาจไว้เป็นทุนการศึกษาพร้อมกับรับหนังสือขอความเป็นธรรมดังกล่าว พร้อมรับปากว่าจะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะการวิสามัญฆาตกรรม จะต้องมีหลายฝ่ายร่วมกันตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และร่วมกันชันสูตรศพ จากนั้นทุกฝ่ายจะต้องต่างคนต่างสรุปเหตุผลแล้วนำเข้าสู่ขบวนการยุติธรรม หากพบหลักฐานว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ก็จะมีการดำเนินคดีทางวินัยและอาญาตามกฎหมาย เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป โดยตนได้มอบให้ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ตเร่งสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ทำให้นายวิชิตและญาติๆ พอใจนำโลงศพกลับไปตั้งไว้ที่วัดตามเดิม

ทางด้าน พ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้กำกับการ สภ.เมืองภูเก็ต เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ได้แจ้งข้อหากับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ลงมือวิสามัญฯไปแล้วในข้อหาฆ่าผู้อื่น ทุกอย่างอยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการฯที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดเหตุหลายฝ่าย เช่น พนักงานอัยการ ปลัดอำเภอ แพทย์ร่วมกันเก็บหลักฐานที่เกิดเหตุและร่วมกันชันสูตรศพ โดยตำรวจไม่ได้เป็นผู้เก็บหลักฐานแต่เพียงฝ่ายเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นก็ว่ากันไปตามหลักฐาน หากตำรวจทำเกินกว่าเหตุจะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างแน่นอน ต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ...


ที่มา : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันที่ 25 พ.ย. 2552


ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันที่ 25 พฤศจิกายน 2552

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

"สมัคร สุนทรเวช" ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว


เมื่อเช้าวันนี้ (24 พ.ย.) นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 วัย 74 ปี ได้ถึงแก่อนิจกรรมอย่างสงบด้วยโรคมะเร็งขั้วตับ ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โดยนายสมัคร ได้มีอาการป่วย ไปรักษาตัวที่ลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ 5 พ.ย. 2551 และกลับมาประเทศไทยเมื่อ 21 มกราคม 2552 ตลอดเวลาที่กลับจากอเมริกา ได้พักรักษาตัวและไม่ปรากฎตัวต่อสาธารณชนเลย

นายสมัคร สุนทรเวช เกิดเมื่อ 13 มิถุนายน 2478 เป็นบุตร เสวกเอกพระยาบำรุงราชบริพาร (เสมียน สุนทรเวช) มารดา คุณหญิงบำรุงราชบริพาร (อำพัน - สกุลเดิม จิตรกร) สมรสกับ คุณหญิงสุรัตน์ (นาคน้อย) เมื่อพ.ศ. 2511 มีบุตรีฝาแฝด 2 คน คือ นางกาญจนากร (สุนทรเวช)ไชยสาส์น จบมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ABAC / MBA. มหาวิทยาลัยฮาร์ทฟอร์ด USA. CONN.ปัจจุบันทำงานอยู่ฝ่ายการเงินของ ป.ต.ท. (สผ.) และ นางสาวกานดาภา สุนทรเวช จบคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย / MBA.มหาวิทยาลัยฮาร์ทฟอร์ด USA. CONN. ปัจจุบันทำงานกระทรวงการต่างประเทศ

นายสมัคร สุนทรเวช เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2551 หลังจากพรรคพลังประชาชน สามารถชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ครองที่นั่งถึง 233 ที่นั่งเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แต่ต้องมาถูกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่แต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากเป็นพิธีการในรายการ "ชิมไปบ่นไป" โดยอ้างว่ามีความผิดขัดต่อรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 267 เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2551 รวมระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายสมัครเพียง 7 เดือนเศษเท่านั้น

ที่มา : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันที่ 24 พ.ย. 2552


ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันที่ 24 พฤศจิกายน 2552

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ปชป.-เสื้อแดง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกเดินสายต่างจังหวัดอีกครั้ง คราวนี้ขึ้นภาคเหนือตอนล่างไปที่พิจิตร พิษณุโลก และสุโขทัย มีการระดมกำลังกว่า 2 พันนาย อารักขาอย่างเข้มงวด ยิ่งกว่าไข่ในหิน ทั้งพื้นดินและบนอากาศ

หลังจากก่อนหน้านี้ ฝ่าดงเสื้อแดงไปมอบเงินค่าชดใช้ให้นางไฮ ขันจันทา ที่ จ.อุบลราชธานี ในครั้งนั้นก็มีการอารักขาอย่างเข้มงวด ระดมตำรวจ-ทหารกว่าครึ่งหมื่นคอยดูแลอำนวยความสะดวก ทั้งบนพื้นและบนอากาศเช่นกัน

จนมีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเป็นลงพื้นที่ใช้ต้นทุนสูงอย่างไม่เคยมีมาก่อน

แต่นายอภิสิทธิ์กลับออกมาโต้ว่าที่ต้องละเลงงบประมาณมากมายขนาดนั้น ก็เพราะมีม็อบเสื้อแดงออกมาต่อต้าน ถ้าไม่ออกมาต่อต้าน ก็คงไม่ต้องใช้เงินขนาดนั้น

ความจริง ประชาชนทั้งประเทศควรจะแสดงความยินดี และพากันต้อนรับนายกฯ และคณะรัฐมนตรี ที่อุตส่าห์เดินทางมาเยี่ยมเยียน ให้ได้รับความอบอุ่น

ตั้งแต่รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายสมัคร สุนทรเวช จนมาถึงรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็มีม็อบบางกลุ่มออกมาแสดงความไม่พอใจ ตะโกนโห่ ใช้มือตบตีไล่ ถึงขนาดขว้างปาร้องเท้าใส่ก็มีปฏิกิริยาดังกล่าว เกิดจากความไม่พอใจ และไม่ยอมรับ

สำหรับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ก็กลายเป็นรัฐบาลที่ไม่ประชาชนบางกลุ่มไม่ยอมรับเช่นกัน จึงนำมาสู่การตะโกนโห่ ตีนตบไล่

ที่ผ่านมามา รัฐบาลโดยเฉพาะซีกของประชาธิปัตย์มองม็อบเสื้อแดงและผู้คัดค้านเป็นศัตรูมาตลอด ตั้งแต่นายกฯ รัฐมนตรี ส.ส. ยันสารพัดโฆษกที่อุปโลกน์แต่งตั้งกันมา ล้วนแต่พูดจายั่วยุและท้าทายรายวัน

ไม่เคยเลยที่จะใช้ความอดทน อดกลั้น หรือยอมลดราวาศอก มึงแรงมาอย่างไร กูก็แรงตอบไปอย่างนั้นสารพัดคำตอบโต้ที่เสกสรรค์ปั้นขึ้นมาถล่มฝ่ายตรงข้าม

โดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์อย่างช่องเอ็นบีที และบางช่วงของโมเดิร์นไนน์ นับวันยิ่งแต่เอียงข้างอย่างเห็นได้ชัด ที่เคยกล่าวหาคนอื่นไว้ว่าแทรกแซงสื่อ ดึงสื่อมารับใช้การเมือง สื่อไม่เป็นกลาง

รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์กลับนำมาทำเสียเองยิ่งกว่าที่ว่าคนอื่นหลายเท่านัก

สำหรับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีนั้น ดูเหมือนจะสนองรัฐบาลจนเลยเถิด แทบจะกลายเป็น "ดีพีทีวี-ทีวีประชาธิปัตย์" ไปเสียแล้ว

เปิดสงครามกับฝ่ายเสื้อแดง และเล่นงานพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แบบไม่มีเม้ม ยิ่งจะทำให้เสื้อแดงและผู้นิยม พ.ต.ท.ทักษิณไม่พอใจรัฐบาลมากขึ้นเช่นกัน

รัฐบาลเองต้องรู้จักลดยั่วยุ

ที่มา : เหล็กใน น.ส.พ.ข่าวสด

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันที่ 23 พ.ย. 2552


ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันที่ 23 พฤศจิกายน 2552

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เหมือนรอตีตั๋วพิเศษ...?

กะชิงจังหวะเล่นเกมเร็วเลย
ตามรายงานข่าววงในที่หลุดออกมาจากพรรคประชาธิปัตย์ "เทพเทือก" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะผู้จัดการใหญ่รัฐบาลและเลขาธิการพรรค ได้ส่งซิกไล่จี้ให้ 12 ส.ส.ของพรรคที่โดนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชี้ขาดขาดคุณสมบัติกรณีถือหุ้น และอยู่ระหว่างการรอคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญ
ให้รีบลาออกเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งซ่อมในช่วงปิดสมัยประชุมสภา
เพื่อไม่ให้กระทบต่อปัญหาองค์ประชุมสภาล่มซ้ำซาก และน่าจะรวมไปถึงคิวเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย ที่แพลมไต๋ไว้แล้วจะยื่นญัตติเชือดในช่วงเปิดสภาต้นปีหน้า
แก้หมากกันแบบลุกลี้ลุกลน
ในอารมณ์ของผู้จัดการใหญ่ "เทพเทือก" เดินเกมต่ออายุรัฐบาลผสมทุกวิถีทาง แต่ในจังหวะที่ขัดกัน กลับเป็นฝ่ายของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่เหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว ตามอารมณ์ที่สะท้อนผ่านจอมเก๋าอย่างนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ก็ส่งสัญญาณให้ 12 ส.ส.ยื้อสู้คดีให้ถึงที่สุด
"ปรมาจารย์ชวน" ยังมั่นใจในคาถา "หนังเหนียว" ของคนยี่ห้อประชาธิปัตย์ ยากจะมีอันเป็นไปง่ายๆ
"เทพเทือก" ประคองตัวเลข ส.ส.ในปีกของพรรคร่วมรัฐบาลเต็มที่ แต่ทีมของ "อภิสิทธิ์" ไม่ได้อีนังขังขอบกับเสียง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลที่ปริ่มน้ำ หมิ่นเหม่กับคิวสภาล่มซ้ำซาก เสี่ยงแพ้โหวตฝ่ายค้าน และไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขผู้แทนฯในสภา ยังรวมไปถึงการประคองเสถียรภาพของพรรคร่วมรัฐบาลในภาพรวม
จับทางได้ว่า "อภิสิทธิ์" เชิดใส่ ไม่สนหน้าไหนแล้ว กับคิวตั้งใจ "เหยียบตาปลา" พรรคร่วมรัฐบาลอย่างที่เห็นอาการช้ำหนักสุดก็คือทีมมัชฌิมา ค่ายภูมิใจไทย ในปีกของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่โดนนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ "รับซิก" กับนายกฯอภิสิทธิ์ เสียบสกัดตัดขาโครงการระบายสินค้าเกษตรของ "เจ๊วา" นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์
ขวางดะทั้งคิวข้าวโพด ข้าวเปลือก มันสำปะหลัง เบรกกันแบบไม่ไว้หน้า
แสดงให้เห็นเลยว่า ไม่ยี่หระที่จะถูกมองว่า การปัดแข้งปัดขามาจากอารมณ์แค้นเคือง ชิงเหลี่ยมกันทางการเมือง มากกว่าจะทำงานเป็นทีมเวิร์กเพื่อผลประโยชน์ชาติ
ยี่ห้อ "สมศักดิ์ เทพสุทิน" โดนหักแบบไม่ให้ราคา
อาการ "หมั่นไส้" ยังพาลไปถึงยี่ห้อภูมิใจไทย ในปีกของนายเนวิน ชิดชอบ ก็โดนประชาธิปัตย์เขม่นเรื่องแย่งซีนกันจัดงานใหญ่ ฉลองวันมหามงคล นัยว่า อย่าให้มันได้หน้าคนเดียว
ในอารมณ์เดียวกับคิวขวางยี่ห้อ "เนวิน" ตีกิน โดยคิวของพรรคเพื่อแผ่นดิน ก็โดนนายกฯอภิสิทธิ์เล่นรับส่งลูกกับนายกอร์ปศักดิ์ เสียบสกัดการเดินหน้าบิ๊กโปรเจกต์โทรศัพท์ 3 จี ในส่วนของบริษัททีโอทีฯ
ทั้งๆ ที่ต้นเรื่องอย่าง "เจ๊นก" ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.ไอซีที สั่งตีธงเดินหน้า ใส่เกียร์ห้าลุยแบบสุดกำลัง ขึ้นคัตเอาต์โฆษณากันทั่วบ้านทั่วเมือง
หวังจะปั่นผลงานชิ้นโบแดงแต่เจอมุก "อภิสิทธิ์" รับซิกจาก "กอร์ปศักดิ์" แตะเบรกหัวทิ่ม สั่งให้ชะลอโปรเจกต์ ลากเกมออกไป "หักหน้ากันดื้อๆ" โดยไม่ได้ คำนึงว่า 3 ผู้คุมกฎของค่ายเพื่อแผ่นอย่าง "พินิจ จารุสมบัติ-ปรีชา เลาหพงศ์ชนะ-ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี" จะมีปฏิกิริยาสวนกลับยังไง
ในอารมณ์ที่ "อภิสิทธิ์" ไม่ไยดีกับพรรคร่วมรัฐบาล นั่งร้านที่ช่วยกันค้ำเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ผิดธรรมชาติผู้นำรัฐบาลผสม
โดยทิศทางลม เหมือนจะล้อกับกระแสข่าวที่แว่วๆฝ่ายคุมเกมอำนาจประเทศไทยจ่อ "ล้มกระดาน" ไม่ปล่อยให้ลงสนามเลือกตั้ง สกัดเครือข่าย "ทักษิณ" กลับมาเป็นฝ่ายถืออำนาจ
เส้นทางเปิด "รัฐบาลพิเศษ"ในมุมนี้ก็หวังกันได้ กับ "เด็กดี" ยี่ห้อ "อภิสิทธิ์" ผู้มีต้นทุนส่วนตัวสูง ใสสะอาดหมดจดอยู่ในดงนักเลือกตั้งต้นทุนต่ำ มั่นอกมั่นใจกับภาพของ "น้ำโพลาริสในขวดลอยอยู่กลางน้ำครำ"
รอ "ตั๋วพิเศษ" เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลพิเศษ ไม่มีผู้แทนราษฎรในสภา ไม่ต้องพึ่งเสียง ส.ส.ค้ำเก้าอี้ ...
ที่มา : http://www.thairath.co.th/column/pol/wikroh/48163

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันที่ 21 พ.ย. 2552


ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันที่ 21 พฤศจิกายน 2552 

วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

วันกองทัพเรือ ประจำปี 2552


วันนี้ (20 พ.ย.) พล.ร.ท.ชุมนุม อาจวงษ์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาค 3 เป็นประธานเนื่องในพิธี "วันกองทัพเรือ" โดยมีข้าราชการในสังกัดร่วมในพิธีสงฆ์ พร้อมด้วยการทำบุญถวายภัตตาหารพระสงฆ์ จากนั้นได้ตรวจแถวและรับฟังสารจากผู้บัญชาการทหารเรือ ผ่านทาง สถานีวิทยุ ส.ทร.3 จ.ภูเก็ต พร้อมนำคณะข้าราชการในสังกัดร่วมบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์โดยทำความสะอาดบริเวณชายหาดราไวย์ ...



ที่มา : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันที่ 20 พ.ย. 2552


ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันที่ 20 พฤศจิกายน 2552

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

โหดสาดน้ำกรด สาวป่าตอง ตาซ้ายหวิดบอด


สาวแคชเชียร์บาร์เบียร์ ต.หาดป่าตอง เหยื่อน้ำกรดสาดหน้าจนเสียโฉม เผยนาทีชีวิตถูกชายฉกรรจ์ 2 คนขับมอเตอร์ไซค์ประกบสาดน้ำกรดใส่ ส่งผล เบ้าตาซ้าย บวม เป่ง ผิวหนังพุพอง เจ้าตัวบอกไม่เคยมีเรื่องกับใคร ด้านตำรวจให้น้ำหนักเรื่องชู้สาว

เมื่อเวลา 00.25 น.วันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมา ร.ต.ท.จักรพงษ์ เหลืองอ่อน ร้อยเวร สภ.กะทู้ จ.ภูเก็ตได้รับแจ้งจากห้องฉุกเฉิน รพ.ป่าตองว่าหญิงสาวได้รับบาดเจ็บจากการถูกสาดน้ำกรดที่ใบหน้าและตามร่างกาย เข้ามารักษาตัว โดยมีอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยวเป็นผู้นำมาส่ง จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษศักดิ์ สงมูลนาค ผกก.สภ.กะทู้ , พ.ต.ท.สกล บัณฑิตศักดิ์ สว.สส. นำกำลังชุดสืบสวนเดินทางไปตรวจสอบ โดยพบร่าง น.ส.ศิริรัตน์ นันคำ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 ถ.บางลา ต.ป่าตอง อ.กะทู้จ.ภูเก็ต ทำงานเป็นแคชเชียร์บาร์เบียร์ไม่มีชื่ออยู่ใต้ไทเกอร์ผับแอนด์ดิสโก้เธค ซ.บางลา ต.ป่าตองถูกน้ำกรดไม่ทราบชนิดสาดเข้าที่บริเวณใบหน้าเละและเบ้าตาซ้ายจนบวม ปิดสนิท โดยตามร่างกายถูกเศษน้ำกรดที่กระเด็นถูก จนทำให้เสื้อผ้าฉีกขาดและผิวหนังพุพองหลายแห่ง แต่ น.ส.ศิริรัตน์ยังคงสามารถให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ โดยแพทย์ รพ.ป่าตองได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้น จากนั้นได้นำส่งไปรักษาตัวต่อที่ รพ.วชิระภูเก็ต

จากการสอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ น.ส.ศิริรัตน์ได้ขี่รถ จยย.ฮอนด้าคลิกสีดำ ทะเบียน ขงง 131 ภูเก็ตมาตามถนนราชประทานนุสรณ์ ใกล้กับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลเมืองป่าตอง ห่างจาก สภ.กะทู้เพียง 100 เมตร จากนั้นได้มีชายฉกรรจ์ 2 คนขี่รถ จยย.ฮอนด้าเวฟสีแดง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนขี่ประกบ จากนั้นคนซ้อนท้ายได้สาดบางอย่างเข้าไปที่หน้าและตามร่างกาย น.ส.ศิริรัตน์ ทำให้รถ จยย.ของ น.ส.ศิริรัตน์ล้มลงกับพื้น พร้อมกับร้องดังลั่นด้วยความเจ็บปวด จากนั้นคนร้ายได้ขี่รถ จยย.หลบหนีไป โดยมีอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยวผ่านมาประสบเหตุและนำส่ง รพ.ป่าตอง

ส่วนสาเหตุเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นเรื่องชู้สาว แต่จากการสอบถาม น.ส.ศิริรัตน์ได้ให้การกับชุดสืบสวนว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะ แว้งกับผู้ใด และไม่เคยคบชู้สู่ชายกับคนที่มีครอบครัวหรือเจ้าของมาก่อน ซึ่งก่อนเกิดเหตุเมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา น้องสาวได้นำรถ จยย.คันดังกล่าวไปใช้ก่อนนำมาส่งคืนให้ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจประสงค์ที่จะทำร้ายน้องสาว และคิดว่า น.ส.ศิริรัตน์เป็นน้องสาว โดยคนร้ายทั้ง 2 อาจถูกจ้างวานมา จึงไม่แน่ใจว่าคนขี่รถ จยย.คันดังกล่าวเป็นใครกันแน่ ซึ่งอาจจดจำเพียงรถ จยย.ฮอนด้าคลิกสีดำ ทะเบียน ขงง 131 ภูเก็ตเท่านั้นก็อาจเป็นไปได้

ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิดเพื่อรวบรวมหลักฐานเสนอต่อศาลออกหมายจับ 2 คนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ...

ที่มา : http://www.thairath.co.th/content/region/47876

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันที่ 19 พ.ย. 2552


ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันที่ 19 พฤศจิกายน 2552

อบจ.ภูเก็ตรับรางวัล อปท.ดีเด่นจาก ปปช.


เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุม ชั้น 3 อาคาร 2 สำนักงาน ป.ป.ช. นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตได้เข้ารับโล่เชิดชูเกียรติและเงินรางวัลจำนวน 300,000 บาท จาก นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. จากการที่ได้รับคัดเลือกจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ป.ป.ช. ให้เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดีเด่น ด้านการป้องกันการทุจริต เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปีวันสถาปนาสำนักงาน ป.ป.ช.

นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์ นายก อบจ.ภูเก็ต ได้เปิดเผยว่า ความสำเร็จครั้งนี้เกิดจากการกำหนดนโยบายการบริหารงานของ อบจ.ภูเก็ต ที่เน้นย้ำการทำงานแบบ “โปร่งใส ตรวจสอบได้” โดยยึดหลักธรรมาภิบาลตามแนวทางการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ตลอดจนได้เปลี่ยนวิธีการทำงานให้มุ่งสู่การเป็นองค์กรสมัยใหม่ มีการทำงานเชิงรุกแบบบูรณาการ ที่รวดเร็ว มีขีดสมรรถนะ สามารถสร้างผลงานได้สูง อันยังผลให้การจัดเก็บรายได้ของ อบจ.ภูเก็ต ในปีงบประมาณ 2551 จัดเก็บได้ จำนวน 798,277,432.26 บาท และปี 2552 จัดเก็บได้ จำนวน 876,789,138.82 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2550 ที่จัดเก็บได้เพียง 684,950,433 บาท รายได้ของ อบจ.ภูเก็ต ในปี 2551 และปี 2552 จึงเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.55 และ 28.01 ตามลำดับ

นายไพบูลย์ กล่าวย้ำว่า ความสำเร็จของการบริหารงานภายใต้หลักการ “โปร่งใส ตรวจสอบได้” นี้เกิดจากความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้ง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และพนักงานขององค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ตลอดรวมถึงพี่น้องประชาชนชาวภูเก็ต ที่ต้องการผลักดันให้จังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองน่าอยู่ คู่คุณธรรม ปราศจากการทุจริตคอรัปชั่น ...

ที่มา : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

เทสโก้ โลตัส ช่วยเหลืออุทกภัยใต้


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (แถวหน้าซ้าย) ให้เกียรติรับมอบเงินบริจาคมูลค่า 300,000 บาท จาก ดร.ดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส เทสโก้ โลตัส (แถวหน้าที่ 2 จากซ้าย) เพื่อช่วยเหลือประชาชนภาคใต้ที่ได้รับความเดือนร้อนจากอุทกภัย ในรายการพิเศษ “ธารน้ำใจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยใต้” ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทับบก (ททบ.5) ...

Helping Southern Floods

Defence Minister Gen Prawit Wongsuwan (front left) received a donation of 300,000 baht from Tesco Lotus Senior Vice President Dr. Darmp Sukontasap (front 2nd from left) to assist people affected by flood in the South of the country. The donation was part of the recent TV Channel 5 Telethon “Kindness to Flood Victims in the South ...

ที่มา : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

ทน.ภูเก็ตปรับปรุงบ่อฝังกลบแก้ปัญหาขยะกลิ่นเหม็น


เทศบาลนครภูเก็ต ทุ่มงบปรับปรุงระบบบ่อฝังกลบขยะมูลฝอย หวังแก้ปัญหาเร่งด่วนแก่ผู้ได้รับผลกระทบ จากกลิ่นรบกวน แมลงวัน และน้ำเน่าเสีย ก่อนการก่อสร้างเตาเผาขยะแห่งใหม่จะแล้วเสร็จ

นางสาวสมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต เปิดเผยว่า ตามที่เทศบาลนครภูเก็ตได้ก่อสร้างศูนย์จัดการขยะรวมจังหวัดภูเก็ต และเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2540 นั้น พบว่าปัจจุบันขยะมูลฝอยในจังหวัดภูเก็ตได้เพิ่มปริมาณมากขึ้นทุกปี ล่าสุดพบว่ามีปริมาณขยะมูลฝอยที่เข้าสู่ระบบกำจัดมากกว่า 500 ตันต่อวัน ในขณะที่เตาเผาขยะของเทศบาลนครภูเก็ตมีความสามารถในการเผากำจัดได้เพียง 250 ตันต่อวันเท่านั้น ทำให้เทศบาลจำเป็นที่จะต้องนำขยะที่เหลือไปทำการฝังกลบ ณ บ่อฝังกลบขยะ

นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต กล่าวอีกว่า จากปัญหาขยะมูลฝอยที่มีมากเกินขีดความสามารถของเตาเผาขยะ เทศบาลนครภูเก็ตจึงได้ทำการสรรหาเอกชนเพื่อเข้ามาลงทุนก่อสร้างเตาเผาขยะหัวที่ 2 ที่สามารถเผากำจัดขยะได้ไม่ต่ำกว่า 300 ตันต่อวัน ซึ่งปรากฎว่า บริษัท พีเจที เทคโนโลยีจำกัด เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกให้ลงทุน และขณะนี้ผู้ลงทุนอยู่ระหว่างการคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าเมื่อได้ผู้รับจ้างแล้วจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 20 เดือนจึงจะสามารถเปิดดำเนินการได้ หลังจากนั้นเตาเผาเดิมขนาด 250 ตันที่ใช้งานติดต่อกันมานาน 12 ปี ก็จะหยุดทำการซ่อมปรับปรุงซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาในการซ่อมแซมระยะหนึ่ง จึงจะใช้งานได้อีกครั้ง

ดังนั้น เทศบาลฯจึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำการปรับปรุงบ่อฝังกลบขยะพื้นที่ 120 ไร่ เพื่อรองรับปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้น โดยบ่อฝังกลบดังกล่าวได้ทำการฝังกลบมาตั้งแต่ปี 2535 ปัจจุบันได้ทำการฝังกลบจนเต็มพื้นที่แล้ว และไม่สามารถขยายพื้นที่ออกไปได้อีก ก่อให้เกิดปัญหากลิ่นเหม็นในช่วงฝนตก รวมถึงแมลงวันและน้ำเสีย ซึ่งปัญหาดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตามเทศบาลไม่ได้นิ่งนอนใจในปัญหาดังกล่าว โดยที่ผ่านมาเทศบาลได้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 43 ล้านบาทเพื่อดำเนินการปรับปรุงบ่อฝังกลบขยะมูลฝอยด้วยการปิดกลบบ่อฝังกลบบ่อขยะบ่อที่ 1 ซึ่งเต็มแล้ว ทำการก่อสร้างคันดินชั้นที่ 3 ในบ่อฝังกลบที่ 2,3,4 เพื่อเพิ่มพื้นที่ฝังกลบ และขุดรื้อแยกขยะเก่าบ่อที่ 5 และทำการก่อสร้างปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสีย, สร้างบ่อตรวจน้ำใต้ดิน 4 บ่อ

นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการแก้ปัญหาขยะใหม่ที่จะเข้าสู่บ่อฝังกลบพบว่า ในปีนี้มีฝนตกชุก ทำให้การนำขยะเข้าฝังกลบทำได้ลำบากและขยะมีกลิ่นเหม็น เทศบาลฯได้แก้ปัญหาด้วยการฉีดพ่นละอองจุลินทรีย์ ทำให้ปัญหากลิ่นและแมลงลดลง และได้ดำเนินการจัดหาเครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องจักรกลรวมถึงงบประมาณในการดำเนินงานให้เพียงพอโดยมีมาตรการ 4 แนวทางคือ

1. จัดสรรงบประมาณ 753,980 บาท เพื่อซื้อหินคลุกก่อสร้างถนนเป็นทางเข้าออกสำหรับรถขยะ
2. เสนอสภาเทศบาลฯ อนุมัติจ่ายขาดเงินสะสม 3.84 ล้านบาท จ้างรถไถเกลี่ยและกลบขยะ
3. เสนอสภาเทศบาลฯอนุมัติจ่ายขาดเงินสะสม 739,000 บาท เพื่อซื้อจุลินทรีย์ บำบัดกลิ่น
4. จัดทำแผนแก้ไขปัญหาโดยออกแบบการผลิตขยะเป็นเชื้อเพลิง สร้างที่ล้างทำความสะอาดรถขยะและต้นไม้รอบพื้นที่โครงการ

ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยของเทศบาลนครภูเก็ต เป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุและไม่สามารถจะทำให้สำเร็จลุล่วงไปได้ หากประชาชนชาวภูเก็ต ไม่ให้ความร่วมมือแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุด้วยการลดปริมาณและคัดแยกขยะ ก่อนทิ้ง ซึ่งหากได้รับความร่วมมือจากประชาชน จังหวัดภูเก็ตก็จะเป็นจังหวัดที่น่าอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป ...

ที่มา : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

งาน OTOP ล้านนาสู่อันดามัน



ที่มา : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

หอฯภูเก็ตยินดีกับศูนย์ทำพาสปอร์ตภูเก็ต


หอการค้าภูเก็ตขอบคุณกระทรวงต่างประเทศ หลังจัดตั้งสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวที่ภูเก็ต เชื่อจะช่วยอำนวยความสะวกให้แก่ประชาชนในแถบอันดามันได้เป็นอย่างดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา นายแพทย์ศิริชัย ศิลปอาชา ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารหอการค้าจังหวัดภูเก็ต ได้เดินทางเข้าเยี่ยมและมอบกระเช้าดอกไม้แสดงความยินดีกับ นายบงกต ศรีนาค รักษาการหัวหน้าสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวภูเก็ต ณ สำนักงาน อาคารศาลากลางหลังใหม่ เนื่องในโอกาสที่กระทรวงการต่างประเทศได้มาเปิดหน่วยงานจัดทำหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ที่จังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2552 ที่ผ่านมา

นพ.ศิริชัย ศิลปอาชา
ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวภายหลังการเข้าเยี่ยมชมการทำงานของสำนักงานหนังสือเดินทางชั่วคราวภูเก็ต ว่า ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณกระทรวงการต่างประเทศ ที่ได้จัดงบประมาณในการจัดตั้งหน่วยงานดังกล่าวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นการประสานงานกันมาตั้งแต่ในสมัยของ นายปรีชา เรืองจันทร์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ที่ปัจจุบันเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก

สำหรับการจัดตั้งหน่วยงานทำหนังสือเดินทางชั่วคราวที่ภูเก็ต นั้น ตนเชื่อว่าจะมีส่วนช่วยในการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียงในแถบอันดามันได้เป็นอย่างดี ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนในส่วนดังกล่าวต้องเดินทางไปรับบริการในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดสงขลา และที่กรุงเทพฯ ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางเป็นจำนวนมาก เมื่อมีการมาเปิดศูนย์ฯดังกล่าวก็จะทำให้ประชาชนสะดวกสบายขึ้น รวมทั้งจะมีส่วนช่วยในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกด้วย ...

ที่มา : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันที่ 18 พ.ย. 2552


ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันที่ 18 พฤศจิกายน 2552

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

อัยการเลื่อนสั่งคดี "สนธิ" หมิ่นเบื้องสูง


อัยการเลื่อนนัดสั่งคดีที่ "สนธิลิ้ม" หมิ่นเบื้องสูง นำคำปราศรัยของ "ดา ตอร์ปิโด" ไปเผยแพร่ซ้ำบนเวทีพันธมิตรฯ​ เนื่องจากเจ้าตัวร้องขอความเป็นธรรมไปยังอัยการสูงสุด

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด วันที่ 17 พ.ย. นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา เลื่อนนัดสั่งคดีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้ต้องหาในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง กรณีนำคำปราศรัยของน.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปะกุล หรือ "ดา ตอร์ปิโด" แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ซึ่งถูกศาลพิพากษาจำคุก 18 ปี ในคดีหมิ่นเบื้องสูง มาเผยแพร่ซ้ำบนเวทีพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 51

ทั้งนี้ เนื่องจากนายสนธิ ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อ นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด และขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งใดๆ ลงมาอัยการจึงให้เลื่อนฟังคำสั่งคดีออกไปเป็นวัน ที่ 23 ธ.ค. 52 ...

ที่มา : http://www.thairath.co.th/content/pol/47360

ทำดีในเดือนเกิด.!!!


นายแพทย์สมโภช นิปกานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ร่วมทำบุญตักบาตรกับพยาบาล และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต เนื่องใน กิจกรรมทำดีเดือนเกิด จัดโดยแผนกทรัพยากรบุคคลโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต สำหรับบุคลากรซึ่งเกิดในเดือน ตุลาคม พฤศจิกายน และธันวาคม ได้เข้าร่วมกิจกรรมในการตักบาตรวันเกิด เพื่อสนับสนุนให้มีการประพฤติตนตามแบบพุทธศาสนิกชนที่ดี นอกจากนี้ยังเชิญชวนให้ชาวภูเก็ตที่อยู่ใกล้เคียงได้ร่วมทำบุญพร้อมกัน ...

ที่มา : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันที่ 16 พ.ย. 2552


ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันที่ 16 พฤศจิกายน 2552

ผลสลากกินแบ่งรัฐบาลงวด 16 พฤศจิกายน 2552

รางวัลที่ 1 เลขที่ออก
055986

รางวัลเลขท้าย 3 ตัว 4 ครั้ง เลขที่ออก
072, 299, 536, 952

รางวัลเลขท้าย 2 ตัว เลขที่ออก
58



วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันที่ 13 พ.ย. 2552


ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันที่ 13 พฤศจิกายน 2552

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันที่ 12 พ.ย. 2552


ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันที่ 12 พฤศจิกายน 2552

วันพุธที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ก้าวย่างอันยิ่งใหญ่ ของจอมคนแห่งอุษาคเนย์


รถยนต์ตรวจการณ์สีขาว เปิดไฟวับวาบบนหลังคา แล่นนำหน้านกเหล็กสีเงิน อ้อยอิ่งมาตามลานสนามบินอย่างสง่าผ่าเผย ท่ามกลางสายตาฝูงชน ที่เฝ้ามองผ่านสื่ออย่างใจจดใจจ่อ ด้วยภารกิจที่ไม่ธรรมดา ทำให้ยานบินส่วนตัวลำกระทัดรัด ดูยิ่งใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ

เพราะมันทำหน้าที่สำคัญอย่างยิ่งยวด เป็นภารกิจที่จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ตราบนานเท่านาน

ประตูเปิดออกเมื่อยานจอดสนิท พลันร่างของบุรุษหนึ่งก็ปรากฎขึ้นอย่างโดดเด่น ภายใต้เสื้อเชิ๊ตสีฟ้า สวมทับด้วยชุดสูทสีดำ แต่งแต้มด้วยเน็คไทด์ลายดอกสีแดง ท่วงท่าทระนงองอาจ ราวกับพญาราชสีห์ ที่เกิดมาเพื่อยิ่งใหญ่โดยธรรมชาติ

นั่นคือการปรากฎตัวอย่างเป็นทางการ ของจอมคนแห่งอุษาคเนย์ ผู้เรืองนามขจรขจายไปทั้งสิบทิศว่า ทักษิณ ชินวัตร

ค้อมร่างลงเล็กน้อย สองมือยกขึ้นจบกันอย่างนอบน้อม สองเท้าก้าวเข้าหาแขกเหรื่อที่มารอต้อนรับอย่างสมเกียรติ ท่วงทีกริยาสุภาพเรียบร้อย ดูไปไม่ผิดกับเสือซ่อนเล็บ ราศีผู้นำเจิดจ้าเกินกว่าที่จะเรียกว่านักโทษ ซึ่งเป็นสมญาที่หมู่มารพยายามจะยัดเยียดให้เป็น

โดยไม่ยอมรับรู้ความจริงที่ว่า แม้จะเป็นนักโทษของอำมาตย์ แต่เขาคือพระเอกที่ครองใจประชาชน

ในรถลีมูซีนสีดำคันโก้ ขนาบหน้าหลังด้วยรถคุ้มกันที่ไว้ใจได้ ปิดท้ายด้วยรถติดตามอีกยาวเหยียด นั่นคือขบวนเกียรติยศที่จะนำแขกบ้านแขกเมืองคนสำคัญ ไปส่งยังบ้านพักรับรอง ที่จัดไว้เป็นพิเศษ ภายใต้การอารักขาอย่างเข้มแข็ง ที่ไม่มีช่องว่างให้แก่ความผิดพลาด แม้เพียงเท่ารูเข็ม

วินาทีนั้น หากมีแมลงวันสักตัว บินโฉบเข้ามาในรัศมีทำการ ร่างของมันคงต้องแหลกลาญ สลายลงในพริบตา

คฤหาสน์ใหญ่โตมโหฬาร ยังดูด้อยไปถนัด เมื่อต้องทำหน้าที่ต้อนรับ อาคันตุกะผู้ยิ่งใหญ่ ที่เป็นยิ่งกว่าแขกพิเศษของรัฐบาล จนแม้แต่ท่านผู้นำแห่งกำปูเจีย ยังต้องให้เกียรติอย่างสูง ด้วยการนำพาครอบครัวอันอุ่น เข้ามาต้อนรับถึงที่พำนัก อันเป็นความรู้สึกที่ คนผู้ไม่มีครอบครัวไม่อาจสัมผัสได้

มหาบุรุษต่างอาณาจักร โผเข้าสวมกอดกัน ราวกับพี่น้องที่เหินห่างกันไปนาน ต่างแลกเปลี่ยนความอบอุ่นให้แก่กันและกัน อันเป็นสัญญาณว่าอาณาจักรทั้งสอง จะปรองดองเป็นหนึ่งเดียวไปชั่วนิรันดร์

เพื่อนก็คือเพื่อน เพียงแค่ได้พบกันก็สุขใจเกินพอแล้ว ไม่มีพิธีรีตองให้รุ่มร่าม ไม่มีของฝากติดไม้ติดมือให้ยุ่งยาก นอกจากสองมือที่อบอุ่น กับหัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยมิตรไมตรี ถ้าจะประเมินค่าของฝากที่บรรจุมาในสมองแล้ว มันยิ่งกว่าเศียรเทวรูป ที่เคยมีโจรนำมาจิ้มก้อง ชนิดเทียบกันไม่ติด

เมื่อสองมหาบุรษมาประสานกัน อุปสรรคขนาดไหนถึงจะขวางกั้นได้ การนำพาประชาราษฎร์ โต้คลื่นไปบนกระแสแห่งโลกาภิวัฒน์ นับเป็นความท้าทายสำหรับผู้มองการณ์ไกล แต่เป็นความเสียวสยองของระบอบโบราณ ที่เกาะกินประเทศไทยมาอย่างยาวนาน

.......................................................................


ในขณะที่อาณาจักรโบราณอย่างกำปูเจีย กำลังจะก้าวย่างไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น แต่อาณาจักรที่ก้าวหน้าอย่างสยามประเทศ กลับถูกฉุดรั้งให้ถอยกลับไปในสมัยโบราณ โดยเครือข่ายอำมาตย์อันล้าหลัง ที่ไม่สามารถดำรงชีพอยู่ได้ ภายใต้สภาวะแวดล้อม ที่เต็มไปด้วยประชาชนหัวก้าวหน้า

ท่ามกลางบรรยากาศอันชื่นมื่น มันคือความขมขื่นของปวงชนชาวไทย ที่ไม่อาจรักษาบุคคลากรอันล้ำค่าไว้ ให้อยู่ช่วยสร้างบ้านแปลงเมือง

น้ำตานั้นเอ่อท้นจนพาลจะไหลออกมานอกเบ้า เมื่อเห็นแก้วมณีที่เคยครอง ต้องตกไปอยู่ในมือของเพื่อนบ้าน ที่เขาเล็งเห็นคุณค่า จนนำขึ้นประดับคอออกเดินเฉิดฉาย โดยเจ้าของที่แท้จริงได้แต่แอบมองด้วยความอิจฉา ที่ไม่อาจรักษาดวงแก้ว ที่โจรครองเมือง มันบีบบังคับให้ทำลายทิ้ง

เมื่อบุญมา แต่วาสนายังไม่ถึง จึงทำได้แค่ลิ้มรสความสุขเพียงชั่วครั้งชั่วคราว นอกเหนือกว่านั้น คงต้องฝากประชาชนชาวเขมร ให้ช่วยดูแลรักษาไว้ให้จงดี ระหว่างนี้จะนำไปใช้ประโยชน์ก็ไม่ว่ากัน เพียงขอให้ส่งคืนในสภาพเดิม หลังจากที่ชาวไทยเผด็จศึกอำมาตย์แล้ว

เมื่อแสงอาทิตย์สาดส่อง สว่างไสวไปทุกหย่อมหญ้า วิสัยทัศน์ของประชาชน ก็เปล่งประกายเจิดจ้า มองทะลุไปถึงก้นบึ้งแห่งมนต์ดำ มาถึงขั้นนี้แล้ว คงไม่มีใครลังเลที่จะบุกบั่นไปทวงสิทธิ์ เพื่อชีวิตข้างหน้าที่ดีกว่า แม้ภูเขาจะขวางหน้า แม้ขอบฟ้าจะขวางกั้น ประชาชนจะฟันฝ่า เพื่อตามหาศิลามณี

ในเมื่อเจ้าของก็สุดจะหวงแหน และมณีล้ำค่าก็ผูกพันกับเจ้าของ มีหรือที่ทั้งคู่จะไม่ได้กลับมาอยู่ร่วมกัน ในที่สุด

แม้ว่าวันนี้จะยังดูมืดมน แต่ในเมื่อข้างหน้ายังเห็นแสงสว่าง ย่อมแสดงว่าความหวังยังรออยู่ แม้จะอ่อนล้าเพียงใด แต่ถ้าใจยังไม่สิ้นหวัง สังขารคงต้องตะเกียกตะกายไปให้ถึงฝั่งจนได้ ถ้าอัดอั้นตันใจนัก ก็แค่ร้องในใจให้ดังๆว่า...

เมื่อฟ้าส่งเขามา ซับน้ำตาให้ปวงชน ใยนรกต้องส่งจอมมาร มาตามล่าล้างผลาญเล่า

ที่มา : วโรทาห์: 11 พ.ย. 52

ผู้ว่าการมณฑลไหหลำเยือนภูเก็ตแฟนตาซี


นายหลัว เป๋า หมิง (กลาง) ผู้ว่าการมณฑลไหหลำ พร้อมคณะเข้าเยี่ยมชม ภูเก็ตแฟนตาซี โดยมี นางสาวศิริกุล อัมรามร (ที่ 4 จากขวา) ผู้อำนวยการ(ประชาสัมพันธ์) บริษัท ภูเก็ตแฟนตาซี จำกัด (มหาชน) ให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเองพร้อมนำคณะชม “เสือขาว” ราชา และราชินีแห่งวังสิงห์วิหาร “ไทเกอร์ จังเกิ้ลแอดเวนเจอร์” ก่อนเข้าชมสุดยอดการแสดงระดับโลกโดยฝีมือคนไทย “ มหัศจรรย์กมลา ” ณ โรงละครวังไอยรา ภูเก็ตแฟนตาซี หาดกมลา เมื่อเร็ว ๆ นี้ ...

Mr. Luo Bao Ming (Center), Governor of The People's Government of Hainan Province, recently visited Phuket FantaSea, where they were welcomed by the park’s Director of Public Relations, Miss Sirikun Ammaramorn (4th from right). The party was given a guided tour of many attractions including the “Tiger Jungle Adventure” and the “Palace of the Elephants” theater, where they attended the award winning “Fantasy of a Kingdom” show.

ที่มา : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

ย้อนรอย "เหลือง" จาบจ้วงในหลวง


ช่วงนี้ก็ถือเป็นอีกช่วงหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่มีความพยายามรุกไล่คู่ต่อสู้ด้วยขอกล่าวหา "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และไม่จงรักภักดี" อันเป็นข้อกล่าวหายอดฮิตและเคยใช้ได้ผลมาแล้วในหลายยุค หลายสมัย ในช่วงที่ระบบการสื่อสารและการรับรู้ข้อมูลของประชาชนยังไม่ดีพอ ซึ่งก็ทำให้ผู้ปล่อยข่าว หรือผู้ที่ควบคุมการข่าว ย่อมได้เปรียบในเชิงความรู้สึกของประชาชน

มาถึงยุคนี้ ก่อนหน้าการปฏิวัติรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 นั้น ก็มีการระดมสรรพกำลังที่จะล้ม "รับบาลทักษิณ" ในขณะนั้นให้ได้ โดยการนำของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล เจ้าของสื่อเครือผู้จัดการ และพวกในนามของ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และพรรคการเมืองฝ่ายค้านอย่าง พรรคประชาธิปัตย์ ที่ดูเสมือนว่า หากไม่สามารถล้มทักษิณได้ก็น่าจะมีโอกาสเป็นฝ่ายค้านไปอีกนานแสนนาน เฉกเช่นฝ่ายค้านในมาเลเซีย

แผนการต่างๆ ก็เริ่มดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเรื่อยมา ซึ่งหากจะว่ากันไปแล้ว หลายๆ ครั้งพฤติกรรมการดำเนินการของกลุ่มคนเหล่านั้น มีการลบหลู่ดูหมิ่นและดึงเบื้องสูง แต่เสมือนหนึ่งว่าเจ้าหน้าที่บ้านเมือง นักวิชาการ และผู้ที่อ้างตนว่าเป็นผู้รักสถาบัน กลับเพิกเฉย ทำทองไม่รู้ร้อน ไม่อิหนากับสิ่งที่กลุ่มคนเหล่านั้นได้กระทำ

ลองมาย้อนรอยดูว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น พฤติกรรมเหล่านี้ผู้ที่อ้างตนว่าเป็นผู้รักสถาบันนั้น ยังรับกันได้อยู่อีกหรือไม่ และจะดำเนินการอย่างไรกับผู้ที่บังอาจเหล่านั้น

1. การที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล นำเอาประเด็นการทำบุญในวัดพระแก้วมากล่าวหาฝ่ายตรงข้าม แล้วจัดทำเสื้อสีเหลือง "เราจะสู้เพื่อในหลวง" ออกขายเอาเงินเข้ากระเป๋าไปหลายสิบล้าน ....


2. กรณี นายสนธิฯ ยื่นฎีกาต่อในหลวง แต่แสดงพฤติกรรมในการอ่านฎีกาด้วยการยืนเท้าสะเอว ...


3. การจาบจ้วงขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน (ม.7)

4. กรณี นายสนธิฯ นำผ้าอนามัยที่ใช้แล้วไปปิดที่ฐานพระบรมรูปทรงม้า อันเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนไทยทั้งประเทศ ...

5. การพูดขับไล่ทักษิณให้ลาออก หากไม่ลาออกให้....?....ออกแทน ซึ่งมีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว จนกระทั่งอัยการส่งฟ้องศาล แต่ภายหลังการปฏิวัติ ก็มีขบวนการกดดันให้อัยการไปถอนฟ้อง โดนอ้างเพื่อความสมานฉันท์ ...

6. การไม่ยอมเปิดเส้นทางเสด็จในการทำพระราชพิธี บริเวณถนนราชดำเนิน โดยอ้างว่าเพื่อความปลอดภัยของตัวเองและพวกพ้อง ...

7. การที่พันธมิตรฯ ได้นำเอาพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง มาทำเป็นโล่กำบังสำหรับพวกการ์ดในม๊อบที่บุกยดทำเนียบรัฐบาล ...

เหล่านี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของพฤติกรรมของกลุ่มบุคคลที่มักอ้างตนว่าเป็นผู้จงรักภักดีต่อสถาบัน แต่กลับมีพฤติกรรมที่ต่ำทราม ทำร้ายชาติ ทำร้ายประชาชน ทำลายความเชื่อมั่นของประเทศ อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในประวัติศาสตร์ของชาติไทย

สิ่งเหล่านี้ไม่ทราบเหมือนกันว่า บรรดา ส.ส., ส.ว.(โดยเฉพาะกลุ่ม 40 ส.ว) กลุ่มทหาร, กลุ่มอำมาตย์, กลุ่มนักวิชาการ, กลุ่มสื่อสารมวลชน, และผู้ที่อ้างตนเป็นพวกจงรักภักดี(แต่เพียงพวกเดียว) จะยังจดจำกันได้บ้างหรือป่าว แล้วพวกท่านดำเนินการอย่างไรกับบุคคลที่บังอาจจาบจ้างสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยบ้างล่ะ

หรือว่าถ้าพวกเดียวกันทำ "ไม่ผิด" ก็จะได้เข้าใจโดยทั่วกัน ...

ที่มา : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์