วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2553

"ช.เภสัชกร" จับมือ "ช.ร้านขายยาภูเก็ต" จัดประชุมวิชาการ

ชมรมเภสัชกรจังหวัดภูเก็ตและชมรมร้านขายยาจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับ ดีเคที เฮลธ์แคร์และมาซาแล็บ ส่งเสริมร้านขายยาให้ความรู้ในการคุมกำเนิดที่ถูกต้องเพื่อลดปัญหาสังคม เผยวัยรุ่นภูเก็ตมีแนวโน้มการทำแท้งเพิ่มขึ้น แนะวัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์ควรป้องกันอย่างถูกวิธี

วันนี้ (21 มี.ค.) เภสัชกรชูแรง เวชประสิทธิ์ ประธานชมรมเภสัชกรจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยภายหลังการเปิดงานประชุมวิชาการชมรมเภสัชกรและชมรมร้านขายยาจังหวัดภูเก็ต ซึ่งร่วมกับบริษัท ดีเคที เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายเวชภัณฑ์ยาคุมกำเนิดคุณภาพระดับสูงภายใต้แบรนด์ "บี-เลดี้" และ "ไมโครเลนิน" และ บริษัท มาซาแล็บ จำกัด ว่า วัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ร้านขายยาในจังหวัดภูเก็ตขยายบทบาทในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้บริโภค ซึ่งจะทำให้ชาวภูเก็ตได้รับรู้ถึงวิธีการรับประทานยาคุมกำเนิดที่ถูกต้อง เพื่อลดปัญหาการตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ รวมถึงปัญหา การทำแท้งและอันตรายจากการใช้ยาคุมกำเนิดที่ไม่ถูกต้อง

"สำหรับจำนวนประชากรของจังหวัดภูเก็ตมีจำนวน 327,006 คน แบ่งเป็นชาย 155,555 คน และหญิง 171,451 คน ในจำนวนนี้ไม่รวมถึงประชากร ซึ่งมีอีกเป็นจำนวนค่อนข้างมากที่มาอาศัยและทำงานอยู่ที่จังหวัดภูเก็ตโดยที่ไม่ได้อยู่ในทะเบียนราฎร์จังหวัดภูเก็ต โดยมียอดขายยาคุมกำเนิดในจังหวัดภูเก็ตเดือนละประมาณ 1 ล้านบาท ขณะเดียวกันมีแนวโน้มการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นช่วงอายุระหว่าง 17-18 ปี และพบว่าวัยรุ่นอายุน้อยที่สุดเข้ามาซื้อยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินคือ อายุ 13 ปี ทั้งนี้ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินมีวิธีการรับประทานที่ไม่ยุ่งยากและมีราคาถูกเฉลี่ยกล่องละ 40 บาทเท่านั้น"

นอกจากนี้ยังพบว่าในปีที่ผ่านมา วัยรุ่นที่เข้ารับการรักษาจากการทำแท้งเถื่อน รวมถึงกลุ่มวัยรุ่นอีกส่วนหนึ่งที่ทำแท้งโดยที่พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ได้รับรู้หรือยินยอมให้มีการกระทำดังกล่าว มีทิศทางเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ทางสังคมที่ต้องได้รับการแก้ไขเยียวยาจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วน ในส่วนการป้องกันและแก้ไขปัญหาวัยรุ่นตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์นั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะโรงเรียน และครอบครัว ควรร่วมกันรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้กับกลุ่มวัยรุ่นไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร พร้อมให้คำแนะนำหากมีเพศสัมพันธ์ก็จะต้องใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเพราะสามารถป้องกันโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ได้

เภสัชกรชูแรง กล่าวในตอนท้ายว่า ในส่วนของชมรมเภสัชกร และชมรมร้านขายยา ในจังหวัดภูเก็ตเอง ได้มีการให้ความรู้แก่เภสัชกรหรือผู้ประกอบการร้านขายยาเป็นประจำทุกเดือน ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเป็นสื่อกลางในการให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคทุกกลุ่มในการเลือกใช้ยา รวมทั้งยาคุมกำเนิดที่เหมาะสม เพื่อลดปัญหาทางสุขภาพและปัญหาทางสังคมต่อไป

ทางด้าน นาวาเอก แพทย์หญิง สุนี ไมตรีสถิต สูตินรีแพทย์ ด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ เปิดเผยในงานเสวนา "บทบาทร้านขายยากับการคุมกำเนิดในจังหวัดภูเก็ต" ว่า ปัจจุบันร้านขายยาเข้ามามีบทบาทในการคุมกำเนิดมากขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการหรือเภสัชกรประจำร้าน จะต้องเป็นผู้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้บริโภคโดยเฉพาะวัยรุ่น ซึ่งยังมีความรู้ความเข้าใจในการใช้ยาคุมกำเนิดน้อยมาก ในขณะที่พฤติกรรมความเสี่ยงของวัยรุ่นในการมีเพศสัมพันธ์หรือภัยทางเพศเป็นปัญหาที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ส่งผลให้เด็กวัยรุ่นหันมาใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินแทนการใช้ยาคุมกำเนิดตามปกติ ทั้งๆ ที่ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดฉุกเฉินน้อยกว่า ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูก อาจส่งผลให้ตกเลือดและแท้งเป็นอันตราย

"ในส่วนของร้านยา ซึ่งเป็นสถานบริการสุขภาพที่กลุ่มผู้บริโภคสามารถเข้าถึงบริการได้โดยง่ายสะดวกรวดเร็ว ดังนั้นเภสัชกรประจำร้านยาจึงมีบทบาทสำคัญในการให้คำปรึกษาที่เหมาะสมและให้ข้อมูลที่ถูกต้องในการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดเพื่อให้ความรู้ก่อนการตัดสินใจใช้ยาแก่ผู้รับบริการทุกครั้ง"

อนึ่ง บริษัท ดีเคที เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายเวชภัณฑ์ยาคุมกำเนิดคุณภาพระดับสูงภายใต้แบรนด์ "บี-เลดี้" และ "ไมโครเลนิน" มีความปรารถนาที่ต้องการเห็นชาวภูเก็ตและคนไทย มีสุขภาพการเจริญพันธุ์ที่ดี โดยการให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องผ่านสื่อแขนงต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ในการวางแผนครอบครัวและชีวิตคู่ ต่อไป ...

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น