ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันจันทร์ที่ 22 มีนาคม 2553
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์
วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2553
วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2553
"ช.เภสัชกร" จับมือ "ช.ร้านขายยาภูเก็ต" จัดประชุมวิชาการ
ชมรมเภสัชกรจังหวัดภูเก็ตและชมรมร้านขายยาจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับ ดีเคที เฮลธ์แคร์และมาซาแล็บ ส่งเสริมร้านขายยาให้ความรู้ในการคุมกำเนิดที่ถูกต้องเพื่อลดปัญหาสังคม เผยวัยรุ่นภูเก็ตมีแนวโน้มการทำแท้งเพิ่มขึ้น แนะวัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์ควรป้องกันอย่างถูกวิธี
วันนี้ (21 มี.ค.) เภสัชกรชูแรง เวชประสิทธิ์ ประธานชมรมเภสัชกรจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยภายหลังการเปิดงานประชุมวิชาการชมรมเภสัชกรและชมรมร้านขายยาจังหวัดภูเก็ต ซึ่งร่วมกับบริษัท ดีเคที เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายเวชภัณฑ์ยาคุมกำเนิดคุณภาพระดับสูงภายใต้แบรนด์ "บี-เลดี้" และ "ไมโครเลนิน" และ บริษัท มาซาแล็บ จำกัด ว่า วัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ร้านขายยาในจังหวัดภูเก็ตขยายบทบาทในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้บริโภค ซึ่งจะทำให้ชาวภูเก็ตได้รับรู้ถึงวิธีการรับประทานยาคุมกำเนิดที่ถูกต้อง เพื่อลดปัญหาการตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ รวมถึงปัญหา การทำแท้งและอันตรายจากการใช้ยาคุมกำเนิดที่ไม่ถูกต้อง
"สำหรับจำนวนประชากรของจังหวัดภูเก็ตมีจำนวน 327,006 คน แบ่งเป็นชาย 155,555 คน และหญิง 171,451 คน ในจำนวนนี้ไม่รวมถึงประชากร ซึ่งมีอีกเป็นจำนวนค่อนข้างมากที่มาอาศัยและทำงานอยู่ที่จังหวัดภูเก็ตโดยที่ไม่ได้อยู่ในทะเบียนราฎร์จังหวัดภูเก็ต โดยมียอดขายยาคุมกำเนิดในจังหวัดภูเก็ตเดือนละประมาณ 1 ล้านบาท ขณะเดียวกันมีแนวโน้มการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นช่วงอายุระหว่าง 17-18 ปี และพบว่าวัยรุ่นอายุน้อยที่สุดเข้ามาซื้อยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินคือ อายุ 13 ปี ทั้งนี้ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินมีวิธีการรับประทานที่ไม่ยุ่งยากและมีราคาถูกเฉลี่ยกล่องละ 40 บาทเท่านั้น"
นอกจากนี้ยังพบว่าในปีที่ผ่านมา วัยรุ่นที่เข้ารับการรักษาจากการทำแท้งเถื่อน รวมถึงกลุ่มวัยรุ่นอีกส่วนหนึ่งที่ทำแท้งโดยที่พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ได้รับรู้หรือยินยอมให้มีการกระทำดังกล่าว มีทิศทางเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ทางสังคมที่ต้องได้รับการแก้ไขเยียวยาจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วน ในส่วนการป้องกันและแก้ไขปัญหาวัยรุ่นตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์นั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะโรงเรียน และครอบครัว ควรร่วมกันรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้กับกลุ่มวัยรุ่นไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร พร้อมให้คำแนะนำหากมีเพศสัมพันธ์ก็จะต้องใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเพราะสามารถป้องกันโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ได้
เภสัชกรชูแรง กล่าวในตอนท้ายว่า ในส่วนของชมรมเภสัชกร และชมรมร้านขายยา ในจังหวัดภูเก็ตเอง ได้มีการให้ความรู้แก่เภสัชกรหรือผู้ประกอบการร้านขายยาเป็นประจำทุกเดือน ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเป็นสื่อกลางในการให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคทุกกลุ่มในการเลือกใช้ยา รวมทั้งยาคุมกำเนิดที่เหมาะสม เพื่อลดปัญหาทางสุขภาพและปัญหาทางสังคมต่อไป
ทางด้าน นาวาเอก แพทย์หญิง สุนี ไมตรีสถิต สูตินรีแพทย์ ด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ เปิดเผยในงานเสวนา "บทบาทร้านขายยากับการคุมกำเนิดในจังหวัดภูเก็ต" ว่า ปัจจุบันร้านขายยาเข้ามามีบทบาทในการคุมกำเนิดมากขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการหรือเภสัชกรประจำร้าน จะต้องเป็นผู้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้บริโภคโดยเฉพาะวัยรุ่น ซึ่งยังมีความรู้ความเข้าใจในการใช้ยาคุมกำเนิดน้อยมาก ในขณะที่พฤติกรรมความเสี่ยงของวัยรุ่นในการมีเพศสัมพันธ์หรือภัยทางเพศเป็นปัญหาที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ส่งผลให้เด็กวัยรุ่นหันมาใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินแทนการใช้ยาคุมกำเนิดตามปกติ ทั้งๆ ที่ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดฉุกเฉินน้อยกว่า ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูก อาจส่งผลให้ตกเลือดและแท้งเป็นอันตราย
"ในส่วนของร้านยา ซึ่งเป็นสถานบริการสุขภาพที่กลุ่มผู้บริโภคสามารถเข้าถึงบริการได้โดยง่ายสะดวกรวดเร็ว ดังนั้นเภสัชกรประจำร้านยาจึงมีบทบาทสำคัญในการให้คำปรึกษาที่เหมาะสมและให้ข้อมูลที่ถูกต้องในการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดเพื่อให้ความรู้ก่อนการตัดสินใจใช้ยาแก่ผู้รับบริการทุกครั้ง"
อนึ่ง บริษัท ดีเคที เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายเวชภัณฑ์ยาคุมกำเนิดคุณภาพระดับสูงภายใต้แบรนด์ "บี-เลดี้" และ "ไมโครเลนิน" มีความปรารถนาที่ต้องการเห็นชาวภูเก็ตและคนไทย มีสุขภาพการเจริญพันธุ์ที่ดี โดยการให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องผ่านสื่อแขนงต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ในการวางแผนครอบครัวและชีวิตคู่ ต่อไป ...
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์
วันนี้ (21 มี.ค.) เภสัชกรชูแรง เวชประสิทธิ์ ประธานชมรมเภสัชกรจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยภายหลังการเปิดงานประชุมวิชาการชมรมเภสัชกรและชมรมร้านขายยาจังหวัดภูเก็ต ซึ่งร่วมกับบริษัท ดีเคที เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายเวชภัณฑ์ยาคุมกำเนิดคุณภาพระดับสูงภายใต้แบรนด์ "บี-เลดี้" และ "ไมโครเลนิน" และ บริษัท มาซาแล็บ จำกัด ว่า วัตถุประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ร้านขายยาในจังหวัดภูเก็ตขยายบทบาทในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้บริโภค ซึ่งจะทำให้ชาวภูเก็ตได้รับรู้ถึงวิธีการรับประทานยาคุมกำเนิดที่ถูกต้อง เพื่อลดปัญหาการตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์ รวมถึงปัญหา การทำแท้งและอันตรายจากการใช้ยาคุมกำเนิดที่ไม่ถูกต้อง
"สำหรับจำนวนประชากรของจังหวัดภูเก็ตมีจำนวน 327,006 คน แบ่งเป็นชาย 155,555 คน และหญิง 171,451 คน ในจำนวนนี้ไม่รวมถึงประชากร ซึ่งมีอีกเป็นจำนวนค่อนข้างมากที่มาอาศัยและทำงานอยู่ที่จังหวัดภูเก็ตโดยที่ไม่ได้อยู่ในทะเบียนราฎร์จังหวัดภูเก็ต โดยมียอดขายยาคุมกำเนิดในจังหวัดภูเก็ตเดือนละประมาณ 1 ล้านบาท ขณะเดียวกันมีแนวโน้มการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นช่วงอายุระหว่าง 17-18 ปี และพบว่าวัยรุ่นอายุน้อยที่สุดเข้ามาซื้อยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินคือ อายุ 13 ปี ทั้งนี้ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินมีวิธีการรับประทานที่ไม่ยุ่งยากและมีราคาถูกเฉลี่ยกล่องละ 40 บาทเท่านั้น"
นอกจากนี้ยังพบว่าในปีที่ผ่านมา วัยรุ่นที่เข้ารับการรักษาจากการทำแท้งเถื่อน รวมถึงกลุ่มวัยรุ่นอีกส่วนหนึ่งที่ทำแท้งโดยที่พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ได้รับรู้หรือยินยอมให้มีการกระทำดังกล่าว มีทิศทางเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ทางสังคมที่ต้องได้รับการแก้ไขเยียวยาจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วน ในส่วนการป้องกันและแก้ไขปัญหาวัยรุ่นตั้งครรภ์โดยไม่พึงประสงค์นั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะโรงเรียน และครอบครัว ควรร่วมกันรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้กับกลุ่มวัยรุ่นไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร พร้อมให้คำแนะนำหากมีเพศสัมพันธ์ก็จะต้องใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเพราะสามารถป้องกันโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ได้
เภสัชกรชูแรง กล่าวในตอนท้ายว่า ในส่วนของชมรมเภสัชกร และชมรมร้านขายยา ในจังหวัดภูเก็ตเอง ได้มีการให้ความรู้แก่เภสัชกรหรือผู้ประกอบการร้านขายยาเป็นประจำทุกเดือน ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเป็นสื่อกลางในการให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภคทุกกลุ่มในการเลือกใช้ยา รวมทั้งยาคุมกำเนิดที่เหมาะสม เพื่อลดปัญหาทางสุขภาพและปัญหาทางสังคมต่อไป
ทางด้าน นาวาเอก แพทย์หญิง สุนี ไมตรีสถิต สูตินรีแพทย์ ด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ เปิดเผยในงานเสวนา "บทบาทร้านขายยากับการคุมกำเนิดในจังหวัดภูเก็ต" ว่า ปัจจุบันร้านขายยาเข้ามามีบทบาทในการคุมกำเนิดมากขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการหรือเภสัชกรประจำร้าน จะต้องเป็นผู้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ผู้บริโภคโดยเฉพาะวัยรุ่น ซึ่งยังมีความรู้ความเข้าใจในการใช้ยาคุมกำเนิดน้อยมาก ในขณะที่พฤติกรรมความเสี่ยงของวัยรุ่นในการมีเพศสัมพันธ์หรือภัยทางเพศเป็นปัญหาที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ส่งผลให้เด็กวัยรุ่นหันมาใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินแทนการใช้ยาคุมกำเนิดตามปกติ ทั้งๆ ที่ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดฉุกเฉินน้อยกว่า ซึ่งทำให้เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูก อาจส่งผลให้ตกเลือดและแท้งเป็นอันตราย
"ในส่วนของร้านยา ซึ่งเป็นสถานบริการสุขภาพที่กลุ่มผู้บริโภคสามารถเข้าถึงบริการได้โดยง่ายสะดวกรวดเร็ว ดังนั้นเภสัชกรประจำร้านยาจึงมีบทบาทสำคัญในการให้คำปรึกษาที่เหมาะสมและให้ข้อมูลที่ถูกต้องในการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดเพื่อให้ความรู้ก่อนการตัดสินใจใช้ยาแก่ผู้รับบริการทุกครั้ง"
อนึ่ง บริษัท ดีเคที เฮลธ์แคร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จำหน่ายเวชภัณฑ์ยาคุมกำเนิดคุณภาพระดับสูงภายใต้แบรนด์ "บี-เลดี้" และ "ไมโครเลนิน" มีความปรารถนาที่ต้องการเห็นชาวภูเก็ตและคนไทย มีสุขภาพการเจริญพันธุ์ที่ดี โดยการให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องผ่านสื่อแขนงต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ในการวางแผนครอบครัวและชีวิตคู่ ต่อไป ...
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์
วันพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2553
การ์ตูน "เซีย" ประจำวันพฤหัสบดีที่ 18 มี.ค. 2553
ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม 2553
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์
วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2553
คลื่นมหาชน "แดงทั้งแผ่นดิน" บุกเมืองหลวง
เมื่อวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา ขบวนรถและเรือของ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน จากทุกภาคของประเทศ เคลื่อนตัวเข้าสู่กรุงเทพมหานคร อย่างพร้อมเพรียงกัน ท่ามกลางการต้อนรับเป็นอย่างดีจากคนเมืองกรุง
และทีมข่าว "ภูเก็ตอีนิวส์" เชื่อว่าภาพเหล่านี้ไม่มีโอกาสที่ "สื่อกระแสหลัก" ของเมืองไทยจะนำเสนอสู่สายตาประชาชน เพราะเชื่อว่า...รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์จะไม่ยอมให้ "สื่อ" ทำอย่างนั้นอย่างเด็ดขาด
แต่เพื่อเปิดโอกาสให้สังคมได้รับรู้ความเป็นจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงของประเทศไทย จึงนำเสนอภาพและข้อมูลเหล่านี้ให้สาธารณชนได้รับทราบ อันเป็นการทำตามหน้าที่และจรรยาบรรณของ "สื่อมวลชน" ที่ดี และขอโปรดใช้วิจารณญานในการชม ...
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์
วันจันทร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2553
รวบแล้วฆาตรกรโหดฆ่าข่มขืนสาวซุปเปอร์ชีพ
รวบหนุ่มข้างห้องฆาตกรข่มขืนแล้วฆ่าสาวเช็คเกอร์ห้างค้าส่งดังเมืองภูเก็ตคาด่านตรวจภูเก็ตชะล่าใจนั่งรถโดยสารจากบ้านเกิดย้อนกลับมาเก็บของที่ห้องเช่า แต่ยังคงปากแข็ง ด้านตำรวจมั่นใจใช้หลักฐานเลขทะเบียนมือถือมัดความผิด
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (8 มี.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 2 สภ.เมืองภูเก็ต พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงษ์ ผบก.ภ.จ.ภูเก็ต พ.ต.อ.โกมล วัตรากรณ์ รอง.ผบก.ภ.จ.ภูเก็ต พ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.จำรูญ พลายด้วง รอง.ผกก.สส.สภ.เมืองภูเก็ตแถลงข่าวจับกุม นายสุทธิพร โมราศิลป์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112/3 หมู่ 7 ต.อินคีรี อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ตในข้อหาฆ่า น.ส.ทิพย์เกษร หีบเพ็ชร อายุ 24 ปี หัวหน้าฝ่ายตรวจสอบสินค้าห้างซูปเปอร์ชิป ถ.เทพกระษัตรี ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต โดยเจตนา ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตาย หลังใช้สายไฟที่ชาร์ตโทรศัพท์มือถือรัดคอแล้วใช้กางเกงในผู้ตายอุดปากไม่ให้ส่งเสียงร้อง จากนั้นใช้หมอนหนุนหัวกดที่ใบหน้าและจมูกจนขาดใจตาย จนกระทั่งพบศพเมื่อช่วงสายวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา เบื้องต้นตำรวจคาดว่าคนร้ายอาจเป็นคนข้างห้องหรือแฟนเก่า จนกระทั่งเมื่อ 6 มี.ค.ที่ผ่านมาชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ตร่วมกับ สภ.ท่าฉัตรไชย อ.ถลางจับกุมนายสุทธิพรได้ที่ด่านตรวจภูเก็ต บ้านท่าฉัตรไชย อ.ถลาง ขณะนั่งรถโดยสารจาก จ.นครศรีธรรมราช เพื่อกลับมาขนของที่ห้องเช่าหมายเลข 9 แหลมหินโฮม เลขที่ 72/26 หมู่ 7 ซ.แหลมหิน ถ.เทพกระษัตรี ต.เกาะแก้ว อ.เมืองภูเก็ตติดกับห้องผู้ตายหมายเลข 8 โดยชั้นจับกุมนายสุทธิพรยังคงให้การปฏิเสธ
พ.ต.อ.วันไชย กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งติดตามสืบหาเบาะแสของบุคคลต้องสงสัย โดยพุ่งเป้าไปที่คนข้างห้องหรือผู้ที่ร่วมเช่าห้องในอาคารเดียวกันกับผู้ตาย รวมไปถึงแฟนเก่าที่เคยคบหากับผู้ตายมาก่อนที่จะเลิกลากัน จนกระทั่งพบว่ามีการนำโทรศัพท์มือถือของผู้ตายที่หายไปในวันเกิดเหตุมาใช้ โดยรหัสประจำเครื่อง "อีมี่" ปรากฎอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ จึงเริ่มแกะรอย ผนวกกับนายสุทธิพร ซึ่งเช่าห้องติดกับผู้ตายได้หายตัวไปตั้งแต่วันเกิดเหตุ จึงได้สั่งให้ชุดสืบสวนประสานกลุ่มงานสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 8 เพื่อดักซุ่มและติดตามพฤติกรรมนายสุทธิพรที่บ้านเกิดใน อ.พรมหรคีรี จ.นครศรีธรรมราช จนทราบว่านายสุทธิพรกำลังจะเดินทางกลับมายังห้องเช่าที่ จ.ภูเก็ต เพื่อกลับมาเก็บข้าวของต่างๆ จึงดักที่ด่านตรวจภูเก็ต และจับกุมนายสุทธิพรมาสอบสวนปากคำ โดยเบื้องต้นนายสุทธิพรยังคงให้การปฏิเสธ แต่จากหลักฐานมั่นใจจะสามารถเอาผิดนายสุทธิพรได้ในที่สุด ...
ภาพข่าวโดย : กอล์ฟ ไทยรัฐ
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์
วันเสาร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2553
"นายกเปี่ยน"เลี้ยงส่งพนักงานเทศบาล
เมื่อค่ำวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา นายเปี่ยน กี่สิ้น นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง เป็นเจ้าภาพในการเลี้ยงส่งให้แก่ นวพล ณ นคร เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน เทศบาลเมืองป่าตอง ในโอกาสย้ายไปดำรงตำแหน่ง "เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน เทศบาลตำบลป่าบอน จังหวัดพัทลุง" โดยมี ผู้บริหาร สมาชิกสภาฯ และข้าราชการ เทศบาลเมืองป่าตอง ร่วมในงานและมอบของที่ระลึก ณ ร้านอาหารระย้า ...
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์
วันศุกร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2553
ตำรวจฉลองรวบผู้ค้ายาบ้าในพื้นที่ 6 ราย
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (5 มี.ค.) พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิชิต อินทรศร ผกก.สภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต พ.ต.ท.ณรงค์ ลักษณะวิมล รองผกก.ปป. พ.ต.ท.จรัล บางประเสริฐ สว.สส. พ.ต.ท.วรวัฒน์ สิทธินุ่น สว.อก.สภ.ฉลอง ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นางสาวประนอม หรือ "กบ" คงอิ่ม อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 ซอยคู้บอน 6 แยก 2 แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 415 เม็ด โดยจับกุมได้ที่บริเวณร้านขายของชำไม่มีเลขที่ ซอยธนูเทพ ม.8 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงดำเนินคดีในข้อหามีสารเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ยังจับกุม นางสาวดอกไม้ หรือ "ดอก" สังขพรม อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่6 ม.8 ต.สวาท อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร นางหนูเวียน หรือ "นา" ธิมาชัย อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71/10 ต.เดิด อ.เมือง จ.ยโสธร นางอาทร หรือ "ทร" ศิริศิลป์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 ม.1 ต.พิปูน อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 10 เม็ด โดยจับกุมได้ที่บริเวณบ้านไม่มีเลขที่ ถนนใสยวน ซอย 9 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้ทษประเภท 1 (ยาบ้า)โดยผิดกฎหมาย
และจับกุม นางสาวน้อย (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี สัญชาติลาว พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 50 เม็ด โดยจับกุมได้ที่บริเวณบ้านเลขที่ 39/26 ม.7 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ตจึงดำเนินคดีในข้อหามีสารเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมายและเป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายต่อไป
รวมถึงจับกุม นายพานวัตร รุยันต์ อายุ 27 ปี พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 10 เม็ด โดยจับกุมได้ที่บริเวณซอยยอดเสน่ห์ ม.10 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงดำเนินคดีในข้อหามีสารเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายต่อไป นางสาวศิวการท์ สุพาพวง อายุ 29 ปี พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 3 เม็ด โดยจับกุมได้ที่บริเวณ ซอยยอดเสน่ห์ ม.10 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงดำเนินคดีในข้อหามีสารเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายต่อไป โดยผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
พล.ต.ต.พิกัด ตันติพงศ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวว่า ในการจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดนี้เป็นทำงานประสานความร่วมมือกันทั้งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่ชุดป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งการจับกุมครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและของผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ที่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ปราบปรามยาบ้าให้สิ้นซาก ซึ่งเป็นนโยบายเชิงรุกในการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดนั้นเกี่ยวข้องกับยาเสพติดมานานแล้ว จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ฉลอง สามารถจับกุมตัวได้ดังกล่าว ...
ภาพข่าวโดย : บังเสริฐ
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์
แถลงการณ์ชมรมนักข่าวเพื่อเสรีภาพไทย
แถลงการณ์ชมรมนักข่าวเพื่อเสรีภาพไทย
ในโอกาสวันนักข่าว 5 มีนาคม 2553
------------------------------------
ขอเรียกร้องให้สื่อยุติการทำสงครามข่าวเพื่อจุดชนวนนำไปสู่การปราบปรามกลุ่มเสื้อแดง และขอเรียกร้องให้รัฐยุติการใช้สื่อของรัฐบิดเบือนยั่วยุสร้างความเกลียดชังแตกแยกในสังคม และยุติการคุกคามสื่อใหม่ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ
ชมรมนักข่าวเพื่อเสรีภาพไทย ซึ่งเป็นองค์กรกลางประสานงานของผู้สื่อข่าวที่เคลื่อนไหวเพื่อให้ผู้สื่อข่าวนำเสนอข้อมูลข่าวสารด้วยความเป็นกลาง ไร้การบิดเบือน และสนับสนุนประชาธิปไตย คัดค้านเผด็จการเห็นว่า บทบาทของสื่อสารมวลชนทั้งของรัฐ และเอกชนในปัจจุบัน กำลังหมิ่นเหม่ต่อการตกเป็นเครื่องมือของผู้กุมอำนาจรัฐ และนำเสนอข่าวชี้นำสังคมไปในทางที่มีอคติต่อกลุ่มการเมืองกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือแม้แต่การใช้สื่อสร้าง"สงครามข่าว"เป็นการชี้นำสาธารณชนให้เกิดการเกลียดชัง ก่อความรุนแรงได้ จึงขอเรียกร้องดังนี้
1. สื่อมวลชนกระแสหลักนำเสนอข่าวโดยขาดการตรวจสอบในกรณีที่เสนอข่าวว่า กลุ่มเสื้อแดงได้ขึ้นบัญชีดำต่อบุคคล 53 รายที่อยู่ในฝ่ายรัฐบาล หรือสนับสนุนรัฐบาล รวมทั้งสื่อที่มีบทบาทสนับสนุนรัฐบาล และโจมตีต่อกลุ่มเสื้อแดงด้วยความอคติบิดเบือน โดยสื่อบางค่ายเช่น ผู้จัดการASTVนำเสนอว่าบุคคลทั้ง 53 รายตกเป็นเป้าการสังหารของคนเสื้อแดง
ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นเพียงการไปโพสต์ข้อความในเวบไซต์เสธ.แดง โดยข้อความดังกล่าวไม่ได้บอกว่าบุคคลทั้ง 53 รายเป็นเป้าหมายการสังหาร หรือขู่เข็ญว่าจะประทุษร้ายแต่อย่างใด เป็นเพียงการวิพากษ์วิจารณ์ว่าบุคคลทั้ง 53 รายนั้น สนับสนุนระบอบเผด็จการอำมาตย์ และทำลายประชาธิปไตย และต่างก็ประสบเคราะห์กรรมตามหลักพุทธศาสนาไปแล้วเท่านั้น ซึ่งเป็นการติชมโดยสุจริตและเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ
แต่การนำเสนอข้อมูลข่าวสารของสื่อมวลชนกลับขาดการตรวจสอบ และนำไปขยายผลว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะประสงค์ร้ายต่อกลุ่มบุคคลทั้ง 53 ราย ซึ่งสุ่มเสี่ยงมากว่าเป็นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารด้วยความอคติลำเอียง และมีจุดประสงค์สร้างความเกลียดชังคนเสื้อแดง และอาจรวมไปถึงการสร้างกระแสเพื่อจุดชนวนให้ปราบปรามประชาชนที่จะจัดการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 มีนาคมนี้ได้
ลักษณะดังกล่าวไม่แตกต่างไปจากกรณีหนังสือพิมพ์ดาวสยาม และบางกอกโพสต์ตกแต่งภาพรัชทายาท และเป็นชนวนสำคัญนำไปสู่การปราบปรามนักศึกษาประชาชนในกรณี 6 ตุลาคม 2519 แต่คราวนี้ย่ำแย่กว่ามากนัก เพราะไม่ได้มีเพียง 2 ฉบับ แต่สื่อมวลชนกระแสหลักแทบทั้งหมดกำลังบิดเบือน ตกแต่งข่าวป้ายสีและอาจเป็นชนวนเหตุนำไปสู่การปราบปรามประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยได้
จึงขอเรียกร้องให้ยุติการทำสงครามข่าวเพื่อจุดประสงค์ปูทางหรือจุดชนวนนำไปสู่การปราบปรามประชาชนโดยทันที
2. ที่ผ่านมาสื่อมวลชนกระแสหลักทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจำนวนมาก ได้แสดงตนอย่างเด่นชัดว่า ขาดจากสถานภาพการเป็นสื่อสารมวชนที่เป็นกลาง และนำเสนอข่าวเยี่ยงนักวิชาชีพไปแล้ว เพราะนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ทัศนะที่สนับสนุนระบอบอำมาตย์เผด็จการ ให้ร้ายป้ายสีสร้างความเกลียดชัง ชี้นำให้มีการปราบปรามทำลายล้างประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตย กลุ่มคนเสื้อแดงอย่างต่อเนื่อง
จึงขอเรียกร้องต่อองค์กรวิชาชีพสื่อ ทั้งสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เป็นต้น ได้มีมาตรการกำชับหรือบังคับอย่างมีประสิทธิภาพให้สมาชิกขององค์กรของตนให้ธำรงตนอยู่ในความเป็นกลาง เสนอข่าวอย่างรอบด้าน ไร้อคติ ปราศจากการบิดเบือนชี้นำ และองค์กรวิชาชีพเหล่านี้ต้องแสดงตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีด้วย
3. ขอเรียกร้องต่อรัฐบาลและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องยุติการใช้สื่อของรัฐบิดเบือนสร้างความเกลียดชัง และยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ตลอดทั้งยุติการคุกคามปิดกั้นสื่อที่นำเสนอข้อมูลอีกด้านหนึ่ง เช่น วิทยุชุมชน โทรทัศน์ดาวเทียม สื่อใหม่ทางวอินเตอร์เน็ตช่องทางต่างๆ ที่ใช้สิทธิวิพากษ์วิจารณ์มใต้กรอบรัฐธรรมนูญ
4. ขอเรียกร้องต่อหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนทั้งของรัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคประชาสังคม และประชาชนช่วยกันเรียกร้องกดดัน และติดตามตรวจสอบให้เป็นไปตามข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อข้างต้น
ด้วยจิตเจตนาที่เป็นกลาง และสงบสันติ สมานฉันท์
นายไพโรจน์ นิมิบุตร
ประธานชมรม นักข่าวเพื่อเสรีภาพไทย
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์
วันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2553
กองทัพเรือจัดพิธีสวนสนาม ทสปช.
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (4 มี.ค.) พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ เดินทางมาเป็นประธานในพิธีสวนสนามทางบกและทางเรือไทยอาสาป้องกันชาติ (ทสปช.) เนื่องในวันสถาปนาไทยอาสาป้องกันชาติ ปี 2553 ที่ ฐานทัพเรือพังงา ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา โดยมี นายเยี่ยมสุริยา พาลุสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พล.ร.ท.ชุมนุม อาจวงค์ ผู้บัญชาการกองเรือภาคที่ 3 และตัวแทนสมาชิกไทยอาสาป้องกันชาติจากทั่วประเทศประมาณ 500 คนร่วมให้การตอนรับ จากนั้นตัวแทนไทยอาสาป้องกันชาติ(ทสปช.) ได้กล่าวปฏิญาณตนเกี่ยวกับการทำหน้าที่รักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เสร็จจากนั้นพล.ร.อ.กำธร มอบรางวัลให้กับบรรดาครูฝึกและไทยอาสาป้องกันชาติ(ทสปช.) ที่มีผลงานดีเด่น
พล.ร.อ.กำธร กล่าวกับตัวแทนไทยอาสาป้องกันชาติ(ทสปช.) ว่านับเป็นที่น่ายินดีที่ทุกคนได้ร่วมกันเสียสละช่วยเหลือทางราชการในการดูแลทรัพยากรของชาติทางทะเลและเป็นหูเป็นตาให้กับทางราชการในการแจ้งข่าวต่างๆทางทะเล เช่นพบเห็นเรือต่างชาติในรูปแบบการหลบหนีเข้าเมือง เบาะแสยาเสพติด และรวมไปถึงการช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ที่ผ่านมานับว่าไทยอาสาป้องกันชาติ(ทสปช.)ได้ให้ความร่วมมือกับทางราชการด้วยดีตลอดมา ในโอกาสวันสถาปนาตัวแทนไทยอาสาป้องกันชาติ(ทสปช.)จึงอยากขอบคุณทุกคนที่เสียสละเวลาเพื่อตนเองสู่ส่วนรวม
จากนั้นได้มีการสวนสนามของตัวแทนไทยอาสาป้องกันชาติ(ทสปช.)ทั้งทางบกและทางทะเลโดยทางทะเลนั้นได้มีเรือประมงประมาณ 100 ลำแล่นออกจากคลองทับละมุผ่านหน้าประธานไปยังปากอ่างทับละมุพร้อมกดแตรให้การเคารพประธาน ส่วนบนทุ่นลอยน้ำนั้นตัวแทนไทยอาสาป้องกันชาติ(ทสปช.)ได้ตั้งแถวเดินพาเหรดเพื่อแสดงถึงความพร้อมในการทำงาน
ภายหลังการสวนสนาม พล.ร.อ.กำธร ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงสถานการณ์ของบรรดาผู้หลบหนีเข้าเมืองในปีนี้ว่า ขณะนี้ยังไม่พบเห็นหรือทราบว่ามีการหลบหนีเข้าเมืองอย่างปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เป็นเพราะการประสานงานของด้านการต่างประเทศเป็นผลมากขึ้นส่งผลให้ชนกลุ่มน้อยที่เคยทะลักเข่ามาในประเทศไทยทางทะเลไม่มีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการล่วงล้ำน่านน้ำไทยของต่างชาติทุกประเภททางการไทยจะต้องผลักดันเพราะเป็นการหลบหนีเข้าเมืองที่ผิดกฎหมาย ...
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์
พล.ร.อ.กำธร กล่าวกับตัวแทนไทยอาสาป้องกันชาติ(ทสปช.) ว่านับเป็นที่น่ายินดีที่ทุกคนได้ร่วมกันเสียสละช่วยเหลือทางราชการในการดูแลทรัพยากรของชาติทางทะเลและเป็นหูเป็นตาให้กับทางราชการในการแจ้งข่าวต่างๆทางทะเล เช่นพบเห็นเรือต่างชาติในรูปแบบการหลบหนีเข้าเมือง เบาะแสยาเสพติด และรวมไปถึงการช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ที่ผ่านมานับว่าไทยอาสาป้องกันชาติ(ทสปช.)ได้ให้ความร่วมมือกับทางราชการด้วยดีตลอดมา ในโอกาสวันสถาปนาตัวแทนไทยอาสาป้องกันชาติ(ทสปช.)จึงอยากขอบคุณทุกคนที่เสียสละเวลาเพื่อตนเองสู่ส่วนรวม
จากนั้นได้มีการสวนสนามของตัวแทนไทยอาสาป้องกันชาติ(ทสปช.)ทั้งทางบกและทางทะเลโดยทางทะเลนั้นได้มีเรือประมงประมาณ 100 ลำแล่นออกจากคลองทับละมุผ่านหน้าประธานไปยังปากอ่างทับละมุพร้อมกดแตรให้การเคารพประธาน ส่วนบนทุ่นลอยน้ำนั้นตัวแทนไทยอาสาป้องกันชาติ(ทสปช.)ได้ตั้งแถวเดินพาเหรดเพื่อแสดงถึงความพร้อมในการทำงาน
ภายหลังการสวนสนาม พล.ร.อ.กำธร ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงสถานการณ์ของบรรดาผู้หลบหนีเข้าเมืองในปีนี้ว่า ขณะนี้ยังไม่พบเห็นหรือทราบว่ามีการหลบหนีเข้าเมืองอย่างปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เป็นเพราะการประสานงานของด้านการต่างประเทศเป็นผลมากขึ้นส่งผลให้ชนกลุ่มน้อยที่เคยทะลักเข่ามาในประเทศไทยทางทะเลไม่มีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการล่วงล้ำน่านน้ำไทยของต่างชาติทุกประเภททางการไทยจะต้องผลักดันเพราะเป็นการหลบหนีเข้าเมืองที่ผิดกฎหมาย ...
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์
ผบ.เรือรบสหรัฐเยี่ยมทัพเรือภาค 3
น.อ.วุฒิศักดิ์ คงนาวัง ผอ.ขว.ทรภ.3 เป็นผู้แทน ผบ.ทรภ.3 ให้การรับเยี่ยมคำนับจาก ผบ.เรือรบสหรัฐฯ จำนวน 2 ลำ โดยมี CAPD KEVIN J.COUCH USS CLEVELAND LPD-7 ในโอกาสเดินทางเข้าเยี่ยมประเทศไทย เพื่อรับการส่งกำลังบำรุงและให้กำลังพลประจำเรือพักผ่อนภายหลังจากการปฏิบัติภารกิจในทะเล ณ ห้องรับรอง บก.ทรภ.3 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อ 3 มี.ค. ที่ผ่านมา ...
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์
แท็กซี่ป้ายดำลักทรัพย์นักท่องเที่ยว
เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 4 มี.ค.นี้ พ.ต.ท.บุญเลิศ อ่อนกลาง สารวัตรเวรสภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต รับแจ้งจาก นาย LAURI KUKKONEN อายุ 61 ปี สัญชาติฟินแลนด์ ว่า ถูกแท็กซี่ป้ายดำขโมยทรัพย์สินไปหลายรายการ เหตุเกิดที่บริเวณหน้าโรงแรมภูเก็ตไอร์แลนด์วิว ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขอให้ติดตามคนขับแท็กซี่รายนี้มาดำเนินคดีด้วย
จากการสอบสวน นาย LAURI KUKKONEN อายุ 61 ปีสัญชาติฟินแลนด์ ทราบว่า ได้เดินทางมาเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ตกับครอบครัวรวม 3 คน และได้เข้าพักที่โรงแรมภูเก็ตไอร์แลนด์วิว ต.กะรน จากนั้นวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านตนและครอบครัวได้เดินทางเข้าไปเที่ยวที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเฟสติวัลภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ต จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. ตนและครับครัวได้เดินออกจากห้างดังกล่าวเพื่อที่จะกลับที่พัก ในระหว่างนั้นได้มีคนขับแท็กซี่ อายุประมาณ 28-30 ปี ได้ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ เข้ามาสอบถามว่าต้องการที่จะใช้บริการแท็กซี่หรือไม่ ตนก็บอกว่าต้องการและตกลงราคากันจำนวน 450 บาท เพื่อให้ไปส่งที่โรงแรม จากนั้นเมื่อถึงบริเวณหน้าโรงแรมดังกล่าว ขณะที่ตนและครอบครัวขนทรัพย์สินลงจากได้จำนวนหนึ่งคนขับรถแท็กซี่คันดังกล่าวก็ได้เร่งเครื่องไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งในรถยนต์คันดังกล่าวยังมีทรัพย์สินคือกระเป๋าสะพายสีดำ 1 ใบ กล้องถ่ายรูปยี่ห้อแคนนอล 1 ตัว เงินสดจำนวน 1,200 บาท แว่นตากันแดด 1 อัน ไอพอส 2 เครื่อง อยู่ภายในรถ ซึ่งจนถึงขณะนี้คนขับแท็กซี่ยังไม่นำทรัพย์สินมาคืน จึงเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามตัวคนขับรถแท็กซี่รายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ...
ภาพข่าวโดย : บังเสริฐ
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์
วันพุธที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2553
ภูเก็ตมอบเงินช่วย"เฮติ"ผ่านนายกอภิสิทธิ์ 2 ล้านเศษ
นายกรัฐมนตรีรับมอบเงินจำนวน 2,239,271.50 บาทจากผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตและคณะเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว ในประเทศสาธารณรัฐเฮติ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (3 มี.ค.) ที่ห้องรับรอง 2 อาคารรัฐสภาถนนอู่ทองใน กรุงเทพมหานคร นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตพร้อมด้วยคณะจำนวน 10 คน ประกอบไปด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ตัวแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัด รวมทั้งนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต และผู้ที่เกี่ยวข้องในจังหวัดภูเก็ต เข้าเยี่ยมคารวะ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ในโอกาสเดียวกันนี้ นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตและคณะ ได้มอบเงินจำนวน 2,239,271.50 บาทให้แก่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อให้พิจารณานำเงินจำนวนดังกล่าวไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวในประเทศสาธารณรัฐเฮติต่อไป หลังจากที่จังหวัดภูเก็ตรณรงค์จัดงานรวมน้ำใจชาวภูเก็ตช่วยผู้ประสบภัยเฮติ รวมทั้งการจัดจำหน่ายเสื้อยืดรณรงค์ช่วยเหลือในกรณีดังกล่าว ขึ้นที่บริเวณหาดป่าตอง เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปรากฏว่ากลุ่มประชาชน ชาวต่างประเทศ เหล่ากาชาดจังหวัดภูเก็ตและหน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องในจังหวัดภูเก็ตร่วมสนับสนุนการจัดงานอย่างเต็มที่
ทั้งนี้บุคคลที่เกี่ยวข้องในจังหวัดภูเก็ตพิจารณาเห็นว่า ในคราวที่เกิดปัญหาธรณีพิบัติภัย คลื่นสึนามิ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ประสบความเดือดร้อนจำนวนหนึ่ง และมีประชาชนทั่วประเทศและชาวต่างประเทศ สนับสนุนช่วยเหลือจำนวนมาก จึง เข้าใจสภาพการณ์ความเสียหายที่เกิดขึ้นมากพอสมควร ดังนั้น เมื่อทราบว่าพลเมืองและชาวต่างประเทศที่อยู่ในประเทศสาธารณรัฐเฮติ ได้รับผลกระทบกระเทือน จากภัยแผ่นดินไหวในช่วงที่ผ่านมา จึงพยายามจัดกิจกรรมรณรงค์จัดหารายได้ เพื่อนำไปสมทบทุนกับรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ตามความเหมาะสม อย่างไรก็ดี จนถึงปัจจุบัน ยังคงมีประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและองค์กรภาคเอกชนติดต่อประสานงานบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ...
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์
คณะผู้บริหารโรงพยาบาลจากอเมริกาเยี่ยมชมโรงพยาบาลมิชชั่นภูเก็ต
คณะทีมฝ่ายบริหารนำโดย นางสาวสุจิตรา เสมอมิตร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมิชชั่นภูเก็ต นายอธิคม ศรีรัตนประภาส ผู้ช่วยผู้อำนวยการ และ Mr.Peter Weekes ที่ปรึกษาอาวุโส ให้การต้อนรับ Mr.Ken Bacon ,CEO Littleton Adventist Hospital Colarado USA. และ Mr.Steven King , President International Medical Mission. จากประเทศสหรัฐอเมริกา ในการเข้าเยี่ยมชมโรงพยาบาลมิชชั่นภูเก็ตในเครือ Worldwide SDA Healthcare เมื่อเร็วๆ นี้ ...
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์
วันอังคารที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2553
ตร.ฉลองโชว์ฟอร์มรวบแก๊งค์มิจฉาชีพเพียบ
เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (2 มี.ค.) พ.ต.อ.วิชิต อินทรศร ผกก.สภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต แถลงข่าวจับกุม 1. นายเทียนชัย กรรฐสิทธิ์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80 ม. 4 ต.อินคีรี อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยของกลางกระเป๋าสะพาย 1 ใบ เงินสดจำนวน 3,835 บาท ได้ที่บริเวณชายหาดกะตะ ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต หลังจาก่อเหตุชิงทรัพย์ นายฮันส์ แอนเดอร์สัน อายุ 70 ปี สัญชาติสวีเดน โดยจับกุมได้ที่บริเวณชายหาดกะตะ ต.กะรน จึงดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ของผู้อื่นโดยใช้พาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปเพื่อให้พ้นการจับกุม
2. นายไพจิตร (หรือปืน) ทองอ่อน อายุ 25 ปี น.ส.พรศิริ ชำนาญนา อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81/13 ม. 3 ต.บ้าหวี อ.หาดสำราญ จ.นครศรีธรรมราช (กำลังตั้งครรถ์ 2 เดือน) พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 10 เม็ด เงินสดจำนวน 3,000 บาท รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮ้อนด้า รุ่นคลิ๊ก หมายเลขทะเบียน ขฉค-285 ภูเก็ต 1 คัน จับกุมได้ที่บ้านเช่าเลขที่ 75/7 ซอยคงนาม ม.7 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันมีสารเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และ
3. นายชูเกียรติ (หรือแดง) แก้วหนองเสม็ด อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22/3 ถนนหลวงพ่อฉ้วน ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 17 เม็ด เงินสด 4,000 บาท จับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 22/3 ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงดำเนินคดีในข้อหามีสารเสพติให้โทษประเภท1 ยาบ้า ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายต่อไป
4. นายเอก (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี นายบี (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี พร้อมด้วยของกลางกัญชาแห้งอัดแท่งน้ำหนัก 2.50 กรัม ได้ที่บริเวณ ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงดำเนินคดีในข้อหามีสารเสพติเดให้โทษประเภท 1 กัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายต่อไป
5. นายสุรเกียรติ ชาลี อายุ 19 ปี ชาวจ.พัทลุง พร้อมด้วยของกลางยาบ้า ครึ่งเม็ด รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮ้อนด้า รุ่นคลิ๊ก หมายเลขทะเบียน ขงท-631 ภูเก็ต 1 คัน โดยจับกุมได้ที่ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก หน้าห้างสรรพสินค้าโฮมโปร ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงดำเนินคดีในข้อหามีสารเสพติให้โทษประเภท1 ยาบ้า ไว้ในครอบครอง
พ.ต.อ.วิชิต อินทรศร ผกก.สภ.ฉลอง กล่าวว่า ในการจับกุมครั้งนี้เนื่องจากตนได้สั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาออกปฎิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด และเมื่อคืนที่ผ่านมา (1 มี.ค.)ได้ออกกวาดล้างจับกุมคดียาเสพติดสามารถจับกุมผู้จำหน่ายยาเสพติดได้ 2 คดี มีผู้ต้องหา 3 คน ของกลางยาบ้ารวม 27 เม็ด และสามารถจับกุมผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์นักท่องเที่ยวได้อีก 1 ราย ซึ่งพื้นที่ความรับผิดชอบของสภ.ฉลองเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว ซึ่งก็ได้กำชับให้ดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวให้ดีที่สุด ซึ่งหากเกิดอะไรกับนักท่องเที่ยวและจะเสียภาพพจน์ของการท่องเที่ยวได้ของจังหวัดได้
ผกก.สภ.ฉลอง กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหายาเสพติดในพื้นที่ความรับผิดชอบของสภ.ฉลอง นั้นขณะนี้พบว่ากลุ่มวัยรุ่นได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมากขึ้น จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบพฤติกรรมของกลุ่มวัยรุ่นต้องสังสับทั้งหมดและให้กวาดล้างจับกุมเพื่อไม่ให้วุยรุ่นดังกล่าวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาหลักของทุกพื้นที่ โดยเฉพาะสภ.ฉลอง จะกัดไปปล่อย กับผู้เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด จะจับกุมมาดำเนินคดีให้สิ้นซากต่อไป ...
ภาพข่าวโดย : บังเสริฐ
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์
วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)