วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ตร.ฉลองรวบหลานรองนายกกะรนค้ายานรก ...


เมื่อเวลา 16.00 น.วันนี้ (17 ส.ค.) พ.ต.อ.วิชิต อินทรศร ผกก.สภ.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต แถลงข่าวจับกุม นายวันเฉลิม หรือเจมส์ รักราษฎร์ อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 297 ม.10 ต.พลับพลาไช อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี นายชัยวัฒน์ หรือจิน สังข์แก้ว อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/1 ซอยปฎัก 11 ถนนปฎัก ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางยาไอซ์ มีลักษณะเกล็ดขาวใส พบบรจุอยู่ในถุงพลาสติกใสแบบดึงปิดกดเปิด 3 ถุง ถุงละ 0.5 กรัม เงินสด 10,000 บาท โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ TWZ รุ่น D- สีดำ 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อโนเกีย รุ่น 1110 สีขาว 1 เครื่องรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮ้อนด้า รุ่นคลิ๊ก สีดำ หมายเลขทะเบียน ขคม-625 ภูเก็ต โดยจับกุมได้ที่บริเวณห้องเช่าไม่มีเลขที่ ซอยอนุสรณ์ ม.10 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงนำตัวพร้อมของกลาง ส่ง พ.ต.ต.อนุกูล หนูเกตุ สารวัตรเวร ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันมีสารเสพติดให้โทษประเภท 1 ( ยาไอซ์ ) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

พ.ต.อ.วิชิต อินทรศร ผกก.กล่าวว่า ในการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบทราบจากสายลับว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คน มีพฤติกรรมทำตัวเป็นเอเย่นต์ค้ายาเสพติดโดยเฉพาะยาไอซ์ ให้แก่วัยรุ่นในย่านตำบลฉลอง -ราไวย์- กะรน มานานแล้ว จึงให้สายลับเข้าทำการล่อซื้อยาไอซ์จำนวน 3 ถุง โดยนัดส่งยากันที่บริเวณหน้าบ้านเช่าไม่มีเลขที่ ซอยอนุสรณ์ ม.10 ต.ฉลอง ซึ่งเป็นบ้านเช่าของนายวันเฉลิม รักราษฎร์อายุ 17 ปี โดยในขณะนั้นมีเจ้าหน้าที่ซุ่มดูพฤติการณ์อยู่บริเวณใกล้เคียง

เมื่อสายลับเข้าซื้อยาไอซ์จำนวนดังกล่าว ในระหว่างนั้นนายชัยวัฒน์ หรือเจมส์ สังข์แก้ว ขับรถจักรยานยนต์ คันดังกล่าว บ้านเช่าที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะส่งมอบยาไอซ์ให้แก่นายวันเฉลิม และนายวันเฉลิมได้ ส่งมอบยาให้แก่สายลับ ในระหว่างนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจซุ่มดูอยู่ในบริเวณใกล้เคียงและเห็นเหตุการณ์ณืได้เด่นชัด และมั่นใจว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ส่งมอบยาให้แก่สายลับ จึงได้เข้าแสดงตัวจับกุมดังกล่าว เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 2 คนให้การรับสารภาพว่าได้ค้ายาไอซ์มานานแล้ว โดยจะจำหน่ายให้แก่วัยรุ่นและนักท่องเที่ยวย่านตำบลกะรน และยาไอซ์ดังกล่าวได้ซื้อมาจากเพื่อนคนหนึ่งโดยขณะนี้ตกงานจึงหันมาค้ายาเสพติดดังกล่าว ...

----------------------------------------------------------
ภาพข่าวโดย : บังเสริฐ
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น