เสาร์เล็งพฤหัส พฤหัสเล็งเสาร์ ในแนวเดียวกัน ดาววินาศดวงเมือง
ตีสามของรุ่งวันใหม่ 19 พฤษภาคม โดยฤกษ์ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กดปุ่มไฟเขียว กองกำลังทหารเริ่มปฏิบัติการเคลื่อนพลเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.แดงทั้งแผ่นดิน กระชับวงล้อมยึดคืนพื้นที่เวทีราชประสงค์
ฟ้าสาง ฉากสงครามกลางเมืองเต็มรูปแบบ
กรุงเทพมหานครเมืองฟ้าอมรกลายเป็นดินแดนมิคสัญญี เต็มไปด้วยควันพวยพุ่งขึ้นเต็มท้องฟ้า จากการเผาป่วนเมืองของกลุ่มผู้ชุมนุม ขณะที่รถสายพานลำเลียงพลหุ้มเกราะพร้อมกำลังทหารถืออาวุธครบมือ ดาหน้าบุกเข้าทำลายแผงบังเกอร์ของกลุ่มผู้ชุมนุม เร้าด้วยเสียงปืน เสียงระเบิดดังต่อเนื่อง
ศพคนถูกยิงนอนตายคาถนน
กลายเป็นภาพข่าวกระจายไปทั่วโลก ผ่านจอสำนักข่าวใหญ่ ทั้งบีบีซี รอยเตอร์ ซินหัว บลูมเบิร์ก อัลจาซีรา โดยเฉพาะซีเอ็นเอ็นได้รายงานข่าวชนิดปล่อยเบรกยาว
"กลียุค" คนไทยลุยฆ่ากันเอง
แน่นอน...ชัยชนะในเกมรบย่อมตกเป็นของฝ่ายคุมอำนาจรัฐ ที่มีกองกำลังทหารติดอาวุธเต็มอัตราศึก เป็นเครื่องมือในการสยบม็อบประชาชนที่ถูกสร้างฉากว่า มีกลุ่มก่อการร้ายแฝงตัว เต็มไปด้วยอาวุธสงคราม
แต่ลุยกันจริงๆก็สู้ได้แค่ไม่กี่ยก นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ
13.25 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ขึ้นประกาศบนเวที ยกขบวนแกนนำเข้ามอบตัวกับตำรวจที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
อ้างไม่ได้ยอมจำนน แต่ไม่ต้องการให้พี่น้องเสื้อแดงสูญเสียชีวิตไปมากกว่านี้
ยุติเวทีชุมนุม...เพื่อหยุดความตาย
ท่ามกลางเสียงโห่ฮา ตะโกนด่า โห่ร้องด้วยความไม่พอใจ บางคนถึงกับร่ำไห้ ปะทุอารมณ์ของมวลชนเสื้อแดงที่ยังโกรธแค้น ไม่ยอมสลายตัวกลับบ้านง่ายๆ
ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมด้านนอกยังคงเปิดฉากลุยกับเจ้าหน้าที่ เผาไฟป่วนเมือง
ในสถานการณ์ที่แนวรบคนเสื้อแดงในต่างจังหวัด ก็กระจายพรึ่บพรั่บทั้งเชียงใหม่ อุดรธานี ขอนแก่น อุบลราชธานี โฟกัสที่ภาคอีสานกับภาคเหนือ รวมตัวบุกยึด เผาศาลากลางจังหวัด เพื่อตอบโต้รัฐบาลที่สั่งการกองกำลังทหารสลายกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.ที่กรุงเทพฯ
ในอารมณ์ที่เตลิดไปไกลถึงขั้นที่ นายประภาส ยงคะวิสัย แกนนำคนเสื้อแดงกาฬสินธุ์ ได้รวบรวมบัตรประชาชนคนเสื้อแดง เพื่อไปมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัด
คืนความเป็นคนไทย
โดยอ้างว่า เป็นการต่อสู้ในเชิงสัญลักษณ์ จากผลการล้อมปราบประชาชนของรัฐบาล ทำให้คนเสื้อแดงไม่ยอมรับความเป็นไทย ทั้งนี้ ยังได้เรียกร้องให้ทั่วประเทศคืนบัตรประชาชน เพื่อร่วมกดดันรัฐบาลในการปฏิเสธความเป็นคนไทย
คนเสื้อแดงเดินทางมาไกลเกินกว่าจะกู่เรียกกลับ ตามสถานการณ์ที่ไฟยังไม่ดับง่ายๆ แม้เกมรบบนดินโดนรัฐใช้กำลังสลาย
ไฟต์บังคับกองทัพแดงมุดลงใต้ดิน
คนชื่อ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ยังสบายอกสบายใจไม่ได้
ที่แน่ๆกับตัวเลข 67 ชีวิตที่สูญเสียไปนับแต่เริ่มการชุมนุมของคน เสื้อแดงตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม ยังไม่นับรวมกับตัวเลขที่เพิ่ม ในไฟต์หักดิบล่าสุดสังเวยไปอีกกี่ชีวิต
จากหลักสิบไต่ขึ้นหลักร้อยศพ "อภิสิทธิ์" จะทรงตัวอยู่บนกองเลือดได้อีกกี่อึดใจ
แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่า จับอารมณ์มวลชนเสื้อแดงที่ยังโกรธแค้นถึงขนาดล้อมกรอบ ยื้อแย่งฉุดกระชากตัวแกนนำ นปช.ที่ประกาศเข้ามอบตัวกับตำรวจ ไม่ยอมให้หมอบง่ายๆ
ผู้หญิง คนแก่ ตั้งท่าพร้อมลุยสู้ตายกับทหาร
โดยสัญญาณที่ฝ่ายคุมเกมอำนาจประเทศไทยย่อมรับรู้ได้ การต่อสู้ของคนเสื้อแดงได้ยกระดับเลย "ทักษิณ ชินวัตร" ไปแล้ว
รับจ้างไปตาย ดูแคลนเสื้อแดงต่ำเกินไป
ภายใต้ความเคียดแค้น ชิงชัง กับภาพของแนวร่วมที่ตายเป็นใบไม้ร่วง ในฉากที่รัฐบาลพลเรือนสั่งการทหารลุยปราบรุนแรง ตอกย้ำหมุดที่ถูกฝังหัวเรื่องสองมาตรฐาน
แผลในใจคนเสื้อแดงบาดลึก ยากเยียวยา...
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น