วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

รวบหนุ่มปราจีน...วิ่งราวสาวรัสเซีย

เมื่อเวลา 20.00 น.วันนี้ (31 พ.ค.) พ.ต.ต.วรวัฒน์ สิทธินุ่น สว.อก.สภ.ฉลอง ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าตำรวชชุมชนตำบลกะรน พร้อมด้วย ด.ต.สมาน แก้วพรหม ผบ.งานป้องกันและปราบปราม นายวินัย ชิดเชี่ยว กำนันตำบลกะรน และเจ้าหน้าที่อีกจำนวนหนึ่งร่วมกันจับกุม นายปฎิภาณ โนนพยอม อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89 ม.2 ต.โพธิ์งาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี พร้อมด้วยของกลาง พร้อมด้วยของกลาง คือ กระเป๋าสะพายสีม่วง จำนวน 1 ใบ โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง พร้อมซิมการ์ด หมายเลขโทรศัพท์ 082-9585846 จำนวน 1 เครื่อง  กล้องถ่ายรูป ยี่ห้อโอลิมปัส จำนวน 1 ตัว ภาพถ่ายผู้เสียหายจำนวน 2 ภาพ ผ้าขนหนูสีขาว จำนวน 1 ผืน หมวกผ้าสีเทา จำนวน 1 ใบ โดยจับกุมได้ที่ใกล้บริเวณวงเวียนห้าแยกกะรน ถนนเลียบชายหาดกะรน ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต  จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางส่ง พ.ต.ต.อนุกูล หนูเกต สารวัตรเวรดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ของผู้อื่นต่อไป

จากการสอบสวนทราบว่า นายปฎิภาณ โนนพยอม อายุ 33 ปี มีอาชีพขายตั๊กแตนทอดในพื้นที่ตำบลกะรน ก่อนเกิดเหตุได้หยุดข่ายตั๊กแตนทอดแล้วมาเดินเล่นที่ริมชายหาดกะรนบริเวณตรงข้ามโรมฟอร์เตอร์ฟ้อน ต.กะรน ในขณะนั้นก็เห็นประเป๋าสีฟ้าของ น.ส.คุนโควา โอซานา อายุ 26 ปี สัญชาติรัสเซีย วางอยู่ริมชายหาด ก็ได้เดินเข้าไปหยิบแล้ววิ่งหลบหนีไป เมื่อ น.ส.คุนโควา โอซานา ผู้เสียหาย กลับขึ้นมาจากเล่นน้ำพอดี จึงได้ตะโกนให้ชาวบ้านที่อยู่บริเวณดังกล่าวจับกุมนายปฎิภาณ แต่ในจังหวะนั้นนายปฎิภาณ ก็ได้หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่จึงได้ระดมกำลังค้นหา จนกระทั่งมาเห็นนายปฎิภาณ เดินอยู่บริเวณวงเวียนกะรน ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 300 เมตร เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจค้น จากการตรวจค้นพบกล้องถ่ายรูปของผู้เสียหาย 1 ตัว เจ้าหน้าที่จึงนำตัวสอบสวน

จากการสอบสวน นายปฎิภาณ ให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุขโมยกระเป๋าของผู้เสียหายจริง และกระเป๋าได้นำไปไว้ที่บนต้นตาลโตนดใกล้ที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงนำนายปฎิภาณ เพื่อไปเอากระเป๋าของกลาง พบว่าอยู่บนต้นตาลโตนดจริง เจ้าหน้าที่จึงปีนขึ้นเพื่อนำกระเป๋าของกลางกลับลงมาให้ผู้เสียหาย 

จากนั้นนายปฎิภาณ ได้นำเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวไปเอากระเป๋าสะพายสีน้ำเงินอีก 1 ใบ ซึ่งขโมยจากนักท่องเที่ยวที่ลงเล่นน้ำที่ชายหาด และสามารถยึดกล้องถ่ายรูปและทรัพย์สินอีกจำนวนหนึ่งได้ จึงนำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป ...

ภาพข่าวโดย : บังเสริฐ
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

ตร.ฉลองล่อซื้อยาบ้า "เจ๊นา" เจ้าเก่า...!!!


เมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (31 พ.ค.) พ.ต.อ.วิชิต อินทรศร ผกก.สภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.ท.จรัล บางประเสริฐ สว.สส. แถลงข่าวจับกุม นางวันนา หรือ เจ๊นา แสงจันทร์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 ม.9 ต.หัวโพธิ์ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี นายมนัตย์ หรือนัด ทองถมยา อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88 ม.7 ต.หัวโพธิ์ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 220 เม็ด เงินสด 4,000 บาทอุปกรณ์การเสพยาบ้าอีกจำนวนหนึ่ง โดยจับกุมได้ที่บริเวณบ้านเลขที่ 33/21 ม.2 ซอยกรุวัฒนา ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อค่ำวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา
จากการสอบสวนทราบว่า  นางวันนา (หรือเจ๊นา) แสงจันทร์ อายุ 43 ปี นายมนัตย์ (หรือนัด) ทองถมยา อายุ 46 ปี เป็นสามีภรรยากันแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 26 มี.ค.2552 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉลอง จับกุมทั้ง 2 คน พร้อมยาบ้า 50 เม็ด และดําเนินคดีในข้อหาจําหย่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) และขณะนี้อยู่ระหว่างการประกันตัวสู้คดี

ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สภ.ฉลอง ทราบว่า นางวันนา แสงจันทร์ และ นายมนัตย์ ทองถมยา เป็นบุคคลที่ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่งและมีพฤติกรรมจำหน่ายยาบ้าให้แก่วัยรุ่นในพื้นที่ใกล้เคียง เจ้าหน้าที่จึงได้ให้สายลับ (ขอสงวนนาม) นำเงินสดจำนวน 4,000 บาท เพื่อซื้อยาบ้าจำนวน 20 เม็ด จากสามีภรรยาคู่ดังกล่าว ในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ซุ่มดูพฤติกรรมอยู่อย่างใกล้ชิด เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นนายมนัตย์ ทองถมยา ส่งยาบ้าให้แก่สายลับ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวจับกุมและทำการตรวจค้นในห้องนอนพบยาบ้าอีก 200 เม็ด โดยทั้ง 2 คน แสดงตัวเป็นเจ้าของ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวดำเนินคดีในข้อหามีสารเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมายต่อไป

เบื้องต้นทั้ง 2 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่าได้นำยาบ้ามาจากกรุงเทพมหานครครั้งละ 400 เม็ด ในราคา เม็ด 300 บาทและมาจำหน่ายให้แก่วัยรุ่นในราคา เม็ดละ 500 บาท แต่สุดท้ายก็มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวดังกล่าว ...

----------------------------------------------------------
ภาพข่าวโดย : บังเสริฐ
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

เทสโก้ฯมอบทุน ป.โท สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ 26 พ.ค ที่ผ่านมา มูลนิธิเทสโก้ เพื่อไทย โดย คุณสุนทร อรุณานนท์ชัย ประธานมูลนิธิเทสโก้ เพื่อไทย ได้ทำพิธีมอบเงินจำนวน 150,000 บาท เพื่อสนับสนุนทุนการศึกษาระดับปริญญาโทแก่ สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ โดยมี คุณจตุพร เอี่ยมสอาด นายกสมาคมฯ และคณะกรรมการ ร่วมรับมอบ ณ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กรุงเทพฯ

ประธานมูลนิธิเทสโก้ เพื่อไทย กล่าวว่า มูลนิธิเทสโก้ เพื่อไทย มีจุดเป้าหมายที่ชัดเจนในการส่งเสริมให้เยาวชนไทยได้มีโอกาสทางด้านการศึกษาที่ดีขึ้น ด้วยกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิเช่น การสนับสนุนทางด้านทุนการศึกษา การส่งเสริมทางด้านวิชาชีพค้าปลีก การบริจาคอุปกรณ์กีฬาให้กับนักเรียนในโรงเรียนต่างๆ รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ เพื่อระดมทุนเพื่อช่วยเหลือและส่งเสริมชุมชนและหน่วยงานการกุศลต่างๆ ในเรื่องการศึกษา สุขภาพ และอุทกภัยต่างๆ โดย ณ วันนี้ เราได้มอบทุนกว่า 10,000 ทุนการศึกษาแก่นักเรียนทั่วประเทศ ...

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันจันทร์ที่ 31 พ.ค. 2553

ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม 2553
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

"แก้ม - เกต" โชว์มินิคอนเสิร์ตครบ 15 ปีโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต

เนื่องในวาระครบรอบ 15 ปีของโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต จึงได้จัดกิจกรรมภยใต้ชื่อ "งานมหกรรม 15 ปี สุขภาพดีไปด้วยกัน" ขึ้น พร้อมได้รับเกียรติจาก "แก้ม และ เกต เดอะสตาร์" มาร่วมสร้างสีสันด้วยการเปิดมินิคอนเสิร์ตภายในงานด้วย โดยได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจาก นพ.บดินทร์ ละเอียด รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต พร้อมด้วยคณะผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จังหวัดภูเก็ต (ช่อง 11) เข้าพบเพื่อสัมภาษณ์ด้วย ...

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

"กมนเกด อัคฮาด" : เบื้องหน้าความตาย เบื้องหลังชีวิต พยาบาลอาสาในวัดปทุมฯ

จากเหตุการณ์การสลายการชุมนุมของ กลุ่ม นปช.แดงทั้งแผ่นดิน บริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อเช้าตรู่วันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยการปฏิบัติการของหน่วยทหาร ภายใต้การสั่งการของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผ่านทาง ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) โดยมีการเรียกปฏิบัติการณ์ดังกล่าวอย่างสวยหรูว่าเป็น "ปฏิบัติการกระชับพื้นที่" นั้น

นอกเหนือไปจากมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมากจากปฏิบัติการดังกล่าวแล้ว อีกภาพหนึ่งที่เป็นเรื่องสะเทือนใจของผู้คนในสังคมก็คือ มีศพจำนวน 6 ศพถูกยิงภายใน วัดปทุมวนาราม ซึ่งถูกระบุให้เป็น "เขตอภัยทาน" แต่พยานที่เห็นเหตุการณ์ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ทั้งหมดถูกซุ่มยิงจากรางรถไฟฟ้า BTS ที่พาดผ่านบริเวณด้านหน้าวัด ซึ่งจากการตรวจสอบของแพทย์ก็ระบุชัดเจนว่า ทุกศพถูกยิงเข้าจุดสำคัญที่เป็น "จุดตาย" แทบทั้งสิ้น

ผู้เสียชีวิตบริเวณวัดปทุมวนาราม มี 6 ศพ ทราบชื่อภายหลัง ดังนี้
1. นายวิชัย มั่นแพ อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/1 หมู่ 7 ต.กระทุ่มล้ม อ.สามพราน จ.นครปฐม 

2. นายมงคล เข็มทอง อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/24 แขวงและเขตปทุมวัน กทม. เป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็กตึ๊ง กระสุนทำลายปอด หัวใจ และตับ
3. นายอัฐชัย ชุมจันทร์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41 หมู่ 11 ต.โพนทราย อ.โพนทราย จ.ร้อยเอ็ด เป็นนักศึกษาพึ่งเรียนจน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
4. นางสาวกมลเกด อัคฮาด เจ้าหน้าที่อาสาของสภากาชาดไทย ถูกยิงเข้าที่ศีรษะทำให้สมองถูกทำลาย อายุประมาณ 20 - 25 ปี ซึ่งเป็นอาสาพยาบาล เสียชีวิตภายในเต็นท์พยาบาล
5. นายอัครเดช ขันแก้ว ชาว ต.หนองผือ อ.เขาวงศ์ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ทำให้สมองถูกทำลาย
6. เป็นชายไม่ทราบชื่อ กระสุนทำลายปอดและหัวใจ

----------------------------------------------------------

สำหรับ 1 ใน 6 ศพที่อยู่ใน วัดปทุมวนาราม นั้น คือ "น้องเกด" ซึ่งเป็นพยาบาลอาสา ที่มีพยานยืนยันว่า "น้องเกด" ถูกยิงขณะที่กำลังยืนทำแผลห้ามเลือดให้อีกคนอยู่ข้างในบริเวณเต็นท์พยาบาลบริเวณวัดตรงนั้น ก็ถูกยิงร่วงนอนเสียชีวิตตรงนั้น 

กมนเกด อัคฮาด ดำเนินชีวิตมาได้ 25 ปีกับอีก 1 เดือน ชื่อเล่นที่เพื่อนๆ เรียกคือ "เกด" แต่สำหรับครอบครัวแล้วเรียกว่า "หมู" เธอมีรูปร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์ แม่ของเธอบอกว่าสาเหตุหลักมาจากการกินแหลกนั่นเอง

"เกด" เกิดในครอบครัว ที่พ่อแม่ทำงานปากกัดตีนถีบ แม่ขายข้าวแกง ก่อนจะมาขายดอกไม้ พวงมาลัย ในตลาดใกล้บ้าน พ่อเป็นลูกจ้างอยู่ที่การไฟฟ้าแห่งหนึ่ง แต่ครอบครัวของเธออบอุ่น เกดและน้องชายอีก 2 คน คนหนึ่งอายุ 18 ปี อีกคนหนึ่งอายุ 21 ปี สนิทกันมาก วิ่งไล่แกล้งกันตั้งแต่เล็กจนโต และจนกระทั่งปัจจุบัน

น้องๆ และแม่เล่าว่า "เกด" เป็นคนที่มีนิสัยโวยวาย โผงผาง อารมณ์ดี ปากร้าย พูดจาตรงๆ แต่ใครๆ ก็รัก เพื่อนๆ เพียบ สมัยช่วยแม่ขายของที่ตลาดใครก็รู้จักเกดกันทั้งบาง วันไหนไม่ไป น้องๆ นุ่งๆ แถวนั้นเป็นอันหมดสนุก น้องชายของเกดบอกว่า เสียงหัวเราะของเธอได้ยินไกลลั่นทุ่ง ไม่ต้องเห็นตัวก็รู้ว่าเกดมาแล้ว

อันที่จริงแม้ใครไม่เคยได้เห็นเกดตอนมีชีวิต ถ้าได้คุยกับแม่ของเกดก็พอเดาได้ว่าอารมณ์ลุยๆ ห้าวๆ นั้นเธอได้มาจากใคร 

ก็โบราณเขาว่าดูนางให้ดูแม่ ในขณะที่พ่อเป็นคนค่อนข้างเงียบ เรียบร้อย และดูใจเย็น "เกด"เป็นคนดื้อ ดื้อมาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งนาทีสุดท้ายของชีวิต สมัยเรียนมัธยม "เกด"มักโดดเรียนเป็นประจำเพื่อหนีไปกับเพื่อน เพื่อนก๊วนเกดเป็นอาสาสมัครปอเต๊กตึ๊ง และมักชวนกันออกตระเวนช่วยเหลือคนเจ็บคนตายด้วยกันเสมอ 

แม่ยืนยันเกดไม่เคยกลัวอะไร และชอบงานท้าทายที่ได้ช่วยชีวิตคนแบบนี้มาก ห้ามไม่ได้ก็เลยปล่อย เช่นเดียวกับการอาสาไปดูแลคนเสื้อแดงคราวนี้

จบจากมัธยม เรียนพาณิชย์ได้ไม่เท่าไรก็ต้องลาออกมาเรียน กศน. จากนั้นจึงไปเรียนต่อศึกษาบริบาล ระหว่างเรียนก็ฝึกงานตามโรงพยาบาล ทั้งแผนกอุบัติเหตุ จนถึงนิติเวช ก่อนจะออกมาประจำอยู่ที่โรงพยาบาลการุณพิทักษ์แผนกอุบัติเหตุ แม่บอกว่าเกดมีทักษะด้านนี้ บางทีนักเรียนแพทย์ผ่าเส้นเอ็นอะไรไม่เป็นก็มาให้เกดช่วยสอน หรือแผนกแต่งศพไม่มีคนก็มาเรียกเกดเพราะเธอทำได้ทุกอย่าง

แม่เล่าว่า ครั้งหนึ่งในแผนกอุบัติเหตุที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง มีคนงานถูกเครื่องจักรบดนิ้ว หมอบอกว่าอาจต้องตัดนิ้วทิ้งสามสี่นิ้ว แต่เกดเห็นแล้วหวังว่ายังพอต่อได้ และคนงานไม่มีนิ้วก็เท่ากับแทบไม่เหลือโอกาสทำมาหากิน เกดจึงบอกให้คนไข้คนนั้นอดทนหน่อยเพื่อรอหมอมือฉมังที่สุดที่กำลังมาสับเวร กระทั่งหมอมาและตัดสินใจผ่าตัด ดาม ต่อให้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องเสียนิ้ว

ทำอยู่สองสามปีจนโรงพยาบาลปิดตัวลง เกดจึงได้ออกมาช่วยแม่ค้าขาย กระทั่งได้ทำงานชั่วคราวกับญาติก่อนที่จะโดดงานอีกครั้งเพื่อไปเป็นอาสา สมัครในที่ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดง แรกๆ ก็ไปหลังเลิกงาน แต่ช่วงหลังดูเหมือนเธอไปอย่างเต็มตัว และทิ้งที่บ้านไว้เบื้องหลัง เกดบอกแม่ว่าประชาชนมีคนเฒ่าคนแก่และเด็กเยอะ อยู่กันยาวๆ มีเจ็บป่วยกันแยะ แม้มีอาสาสมัครหลายคนที่มาช่วยแต่ก็ยังไม่ได้สัดส่วนกับผู้ชุมนุม

ความใฝ่ฝันของ"เกด" คือต้องการไปสอบเป็นผู้ช่วยพยาบาลในกองทัพบก และประกาศเจตนาแน่วแน่กับแม่ว่า "ถ้าสอบได้ หนูจะลงใต้"  แม่รู้ดีว่ายากจะห้ามปราม แต่ก็ได้ทักท้วงให้สอบปีหน้า เพราะปีนี้คาดว่าคงลดน้ำหนักไม่ทัน

หลังจากไปร่วมกับ อาสาสมัครอื่นๆ คอยปฐมพยาบาลกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างเต็มตัว "เกด"ก็ไม่ค่อยรับโทรศัพท์ที่บ้านเพราะกลัวโดนตามตัวกลับ กระทั่งวันที่เธอเสียชีวิต เธอรับโทรศัพท์แม่ก่อนเสียชีวิตไม่กี่ชั่วโมง มันเป็นเสียงสุดท้ายที่ผู้เป็นแม่ได้ยิน ขณะทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บคนอื่นๆ  เธอถูกยิงขณะทำหน้าที่นั้นในชุดคลุมสัญลักษณ์หน่วยแพทย์ หมอบอกเพียงว่า เธอโดนยิง 2 นัด กระสุนทำลายสมอง ขณะที่เพื่อนๆ ที่ไปรับศพเธอกลับเห็นว่า มีร่องรอยของกระสุนปืนมากกว่าสองนัด

น้องชายคนกลางเล่าว่า หลังรู้ข่าวบ้านทั้งบ้านมีแต่เสียงร้องไห้ระงม ไม่มีใครได้สติ กระทั่งแม่เริ่มยอมรับสภาพได้ และเริ่มต้นจัดแจงทุกสิ่งทุกอย่างเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อลูกสาว ขณะที่พ่อยังคงไม่กินข้าวกินปลา น้องชายคนเล็กดูคลิปครอบครัวเก่าๆ แล้วร้องไห้ทั้งคืน

ความตั้งใจที่แต่ เดิมจะเก็บไว้ร้อยวันเป็นอันยุติลงเนื่องจากต้องการให้คนที่บ้าน โดยเฉพาะผู้เป็นพ่อพ้นจากความโศกเศร้าตรอมใจ ...

----------------------------------------------------------
เปิดใจ "แม่น้องเกด" ลูกตายทั้งที่มีเครื่องหมายกาชาด
----------------------------------------------------------


ที่มา : youtube.com
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันเสาร์ที่ 29 พ.ค. 2553


ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม 2553 
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หม่อมปลื้ม...วิเคราะห์การทำหน้าที่ของ CNN ต่อการชุมนุมของคนเสื้อแดง

จากกรณีที่มีกระแสข่าวในการพยายามออกมาเรียกร้องและต่อต้านการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนค่าย CNN ของ นายนิพนธ์ นาคสมภพ ประธานกิตติมศักดิ์สมาคมโทรทัศน์ดาวเทียม (ประเทศไทย)  โดยการกล่าวหาว่า CNN รายงานข่าวเข้าข้างคนเสื้อแดง นั้น VOICE tv โดย ม.ล.ณัฎฐกรณ์ เทวกุล ได้วิเคราะห์กรณีดังกล่าวไว้อย่างน่าสนใจเป็นอย่างมาก ...


ที่มา : youtube.com
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

จับนักมวยชื่อดัง ชิงทรัพย์วันเดียว 2 รายซ้อน


อดีตนักมวยชื่อดังวงการมวยภาคใต้ "ขวัญเงิน โชคลัดดา" เคยผ่านมวยชื่อดังของวงการมวยไทยทั่วประเทศไทยทั้งเวทีลุมพินี – ราชดำเนิน พร้อมเพื่อน ชิงทรัพย์คืนเดียว 2  รายซ้อน แหกด่านเจ้าหน้าที่ตำรวจ เสียหลักล้ม ถูกรวบ สารภาพทำมาหลายครั้งทั่วเกาะภูเก็ต

เมื่อเวลา 18.20 น.วันนี้ (28 พ.ค.) พ.ต.อ.วิชิต อินทรศร ผกก.สภ.ฉลอง พร้อมด้วย พ.ต.ท.พาชัย มัธยันต์ สวป.แถลงข่าวจับกุม นายอานนท์ คงนุ่น อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 46 ม.9 ต.ทุ่งหว้า อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล อาชีพพายเรือซีแคนนู บริษัทสยามซีแคนนู และ นายชัยศิริ บุตรหมัน อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/4 ม.2 ต.อ่าวลึกน้อย อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ อาชีพพายเรือซีแคนนูบริษัทสยามซีแคนนู  พร้อมด้วยของกลาง โทรศัพท์ยี่ห้อโนเกีย 2 เครื่อง โทรศัพท์ยี่ห้อซัมซุง 1 เครื่อง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อมาสเตอร์ 1 เครื่อง เงินสด 1,050 บาท กระเป๋าสะพายสีขาว 1 ใบ รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮ้อนด้า รุ่นเวฟ สีชมพู  หมายเลขทะเบียน กษธ-603 ภูเก็ต 1 คัน โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าร้านห้าแยกโภชนา ม.10 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต

จากการสอบสวนก่อนเกิดเหตุทราบว่า นายอานนท์ คงนุ่น และ นายชัยศิริ บุตรหมัน (ผู้ต้องหา) ได้ขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว มีนายชัยศิริ บุตรหมัน เป็นคนขับ นายอานนท์ คงนุ่น นั่งซ้อนท้าย ตระเวนหาเหยื่อเพื่อลงมือชิงทรัพย์ในพื้นตำบลป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เมื่อคนร้ายทั้ง 2 คน ขับรถมาถึงบริเวณใกล้ร้านสยามซาฟารี ต.ป่าตอง อ.กะทู้ ก็ได้ลงมือชิงทรัพย์กระเป๋าสะพายของ นางสาวรัชติกาล คหะปานะ อยู่บ้านเลขที่ 18/3 ม.1 ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ที่กำลังขับรถใกล้บริเวณดังกล่าว ภายในมีโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง เงินสด และเอกสารทางราชการอีกจำนวนหนึ่ง จากนั้นน.ส.รัชติกาล ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะทู้ ทราบ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.กะทู้ จึงประสานความร่วมมือในการติดตามจับกุมคนร้ายมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉลอง เนื่องจากหลังจากเกิดเหตุคนร้ายได้ขับรถหลบหนีเข้ามาในตำบลกะรน เจ้าหน้าที่ สภ.ฉลอง จึงตั้งด่านสกัดในจุดสำคัญทั่วพื้นที่ตำบลกะรน ในการสกัดจับกุมคนร้าย

ห่างกันประมาณ 20 นาที เวลาประมาณ 02.30 น. เจ้าหน้าที่ สภ.ฉลอง ได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนร้ายวิ่งราวทรัพย์สินของ นางสาวสุดารัตน์ มุพิลา อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 204 ม.1 ต.นาแสง อ.ศรีวิไล อ.หนองคาย เหตุเกิดที่เนินเขาเมอลิเดียน ต.กะรน ซึ่งคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นคนร้ายรายเดียวกับที่ก่อเหตุในพื้นที่สภ.กะทู้ ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่ตั้งด่านสกัดอยู่บริเวณสามแยกโรงเรียนบ้านกะตะ ก็เห็นคนร้ายตามที่ได้รับแจ้งขับรถผ่านมาเจ้าหน้าที่จึงเรียกเพื่อตรวจค้น แต่ปรากฏว่าคนร้ายได้แหกด่านสกัดของเจ้าหน้าที่แล้วขับรถหลบหนีมุ่งหน้าสู่วงเวียนห้าแยกฉลอง อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งคนร้ายขับมาถึงที่บริเวณหน้าร้านห้าแยกโภชนา ต.ฉลอง ก็เสียหลักลื่นล้มลง จนทำให้นายชัยศิริ บุตรหมัน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่จึงจับกุมตัวได้ในที่สุด เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุชิงทรัพย์ทั้ง 2 ครั้งจริง และเคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งได้ก่อเหตุทั่วจังหวัดภูเก็ต ทั้งพื้นที่สภ.เมือง สภ.กะทู้ 

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลในการจับกุมเพิ่มเติมคาดว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เคยก่อเหตุมาแล้วหลายสิบครั้ง เนื่องจากพฤติกรรมที่คนร้ายก่อเหตุเป็นพฤติกรรมที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายวันเดียวกันได้ก่อเหตุถึง 2 ครั้ง และตรวจสอบพบรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุนั้นได้นำสก๊อตเทปสีดำมาติดพันทับตัวเลขป้ายทะเบียน เพื่ออำพรางในการจดจำป้ายทะเบียน ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้นี้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ก่อเหตุมาอย่างโชกโชน และมีการวางแผนเป็นอย่างดี หากใครที่เคยถูกก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ ก็ขอให้มาดูตัวคนร้ายได้ที่สภ.ฉลอง

อย่างไรก็ตามสำหรับ นายชัยศิริ บุตรหมัน นั้นทราบว่า อดีตเคยเป็นนักมวยชื่อ "ขวัญเงิน โชคลัดา" ซึ่งเป็นนักมวยชื่อดังของวงการมวยภาคใต้ เคยผ่านชีวิตบนผืนผ้าใบมาแล้วกว่า 100 ครั้ง และเคยผ่านการชกกับนักมวยดังๆ ของประเทศไทยในเวทีมวยลุมพินี-ราชดำเนิน มาแล้วหลายครั้ง แต่สุดท้ายประสบอุบัติเหตุหันหลังให้วงการผืนผ้าใบไปตลอดชีวิต และหันมาเป็นพนักงานบริษัทฯ และสุดท้ายมาก่อเหตุชิงทรัพย์พื้นที่สภ.ฉลอง จึงถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวต้องเดินคอตกชดใช้กรรมในซังเต ...

ภาพข่าวโดย : บังเสริฐ
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันศุกร์ที่ 28 พ.ค. 2553

ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม 2553 
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันพฤหัสบดีที่ 27 พ.ค. 2553

ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม 2553
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

นศ.ฝึกงานสำเร็จหลักสูตรที่ "สิริโรจน์"

วันนี้ (27 พ.ค.) คุณกอบแก้ว บุญสิริ ผู้อำนวยการ สายการพยาบาล พร้อมด้วยคณะผู้บริหารในสายงานพยาบาล โรงพยาบาลสิริโรจน์ (Phuket International Hospital) ร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับคณะนักศึกษาฝึกงานจาก โรงเรียนภูเก็ตรักษ์บริบาล, โรงเรียนนครศึกษาการบริบาล และโรงเรียนหาดใหญ่วิชาการบริบาล ในโอกาสสำเร็จหลักสูตรการฝึกงานในสายการพยาบาล ณ โรงพยาบาลสิริโรจน์ ...

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

หนุ่มนครศรีฯคิดสั้นวิ่งราวทรัพย์ประชดเมียชอบด่า...

เมื่อเวลา 17.00 น.วันนี้ (26 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ฉลอง ภายใต้อำนวยการของ พ.ต.อ.วิชิต อินทรศร ผกก.สภ.ฉลอง นำโดย พ.ต.ท.พาชัย มัธยันต์ สวป.สภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต พร้อมพวกร่วมกันจับกุม นายสิทธิ์ธา รัตนะพันธ์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78/1 ม.1 ต.แก้วแสน อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยของกลางรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮ้อนด้า หมายเลขทะเบียน กษน-844 ภูเก็ต 1 คัน เงินสด 200 บาท กระเป๋าสะพายสีน้ำตาล 1 ใบ บัตรเอทีเอ็มธนาคารกสิกรไทย 1 ใบ และเอกสารทางราชการอีกจำนวนหนึ่ง โดยจับกุมได้ที่บริเวณใต้บันใดห้องซักรีดของโรงแรมอันดามันซีวิว ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต หลังจากก่อเหตุชิงทรัพย์ นางกัลยา ม่วงวิเชียร อายุ 49 ปี หมอนวดแผนโบราณร้านแฟมมี่ลี่ ต.กะรน จึงนำตัวพร้อมของกลางดำเนินคดีต่อไป

จากการสอบสวน นายสิทธิ์ธา รัตนะพันธ์ อายุ 36 ปี ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่กำลังช่วยภรรยาขายข้าวแกงอยู่ที่ข้างร้านทองนวลรัตน์ ถนนเจ้าฟ้าตะวันออก ม.8 ต.ฉลอง ด้วยความเหน็ดเหนื่อย กลับถูกภรรยาบ่นจนเกิดความน่าเบื่อ น่ารำคาญ เกิดความน้อยใจจึงได้ขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว ออกจากร้านขายข้าวแกง โดยได้ขับไปที่ตำบลกะรน เมื่อขับมาถึงร้านนวดแผนโบราณชื่อแฟมมี่ลี่ ถนนหลวงพ่อฉ้วน ต.กะรน ก็ได้เข้าไปในร้านนวดดังกล่าวเพื่อที่จะนวดผ่อนคลาย โดยมี นางกัลยา ม่วงวิเชียร อายุ 49 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร อาชีพหมอนวดอยู่ในร้านดังกล่าว ออกมาต้อนรับ และตนบอกว่าอยากจะนวดคลายเครียด แต่ว่ายังนวดขณะนี้ไม่ได้เพราะต้องรอภรรยาที่เดินทางตามมาภายหลัง

จากนั้นได้ขอดูห้องนวดว่ามีความสะอาดหรือไม่ และบอกให้นางกัลยา ม่วงวิเชียร หมอนวดในร้านดังกล่าวให้เปิดแอร์ทิ้งไว้ ให้เย็นฉ่ำ ซึ่งในระหว่างนั้นนายสิทธิ์ธา กลับวิ่งเข้าไปหยิบกระเป๋าสะพายที่วางอยู่ที่หน้าโต๊ะทีวี ก่อนที่จะวิ่งไปสตาร์ทรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้านขับหลบหนีไป ซึ่งนางกัลยา ก็ได้ตะโกนให้เรียกความช่วยเหลือจากชาวบ้านละแวกดังกล่าว ก่อนจะขับไล่อย่างกระชั้นชิด และตะโกนขอความช่วยเหลือผู้ที่ขับรถสัญจรไปมาในเส้นทางดังกล่าวไปตลอดเส้นทาง

จนกระทั่งมาถึงบริเวณสามแยกซอยบางลา ต.กะรน ก็มีชายวัยรุ่นจำนวน 2 คน ขับรถปาดหน้ารถของนายสิทธิ์ธา และถีบรถของนายสิทธิ์ธาจนเสียหลักล้มลง จากนั้นนายสิทธิ์ธา ก็ได้วิ่งเข้าไปภายในโรงแรมอันดามันซีวิว ต.กะรนและไปซุกซ่อนตัวอยู่ใต้บันไดในห้องซัก-อบ-รีด ก่อนที่จะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบจนกระทั่งจับกุมตัวได้ในที่สุด เบื้องต้นให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่าที่ก่อเหตุไปครั้งนี้ไม่ได้ตั้งใจจะกระทำผิด แต่ด้วยความที่โมโหภรรยาที่มักขี้บ่น จึงตัดสินใจก่อเหตุเพื่อประชดภรรยา แต่สุดท้ายถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวดังกล่าว ...

ภาพข่าวโดย : บังเสริฐ
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันพุธที่ 26 พ.ค. 2553


ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันพุธที่ 26 พฤษภาคม 2553
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ตำรวจฉลองระดมกวาดล้างจับได้เพียบ..!!!

เมื่อเวลา 14.00 น.วัน 25 พ.ค.นี้ พ.ต.อ.วิชิต อินทรศร ผกก.สภ.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.ท.ณรงค์ ลักษณะวิมล รองผกก.ป.แถลงข่าวการจับกุม นายบัวรัก (รักษ์) การินทร์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24/54 ซอยประชาอุทิศ 2 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ตามหมายจับของศาลอาญา เลขที่ 4272/2547 ลงวันที่ 9 ก.ย. 2547 ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา นายบรรพต (หนึ่ง) ตะการกิจ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58/17 ม.10 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางอาวุธปืนสั้นแบบไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก เครื่องกระสุน 3 นัด นายปุณยวัจน์ (ติ๊ก) ศรีนคร อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 182 ม.1 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.ตรัง พร้อมด้วยขอกลางเครื่องกระสุนขนาดเบอร์ 12 2 นัด เครื่องกระสุนปืน ขนาด 30 ซุปเปอร์ 2 นัด นายธีรพันธุ์ (ปู) เพ็งเกตุ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72/1 ม.6 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วยของกลางอาวุธปืนพกสั้นแบบไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก เครื่องกระสุนขนาด 9 มม 4 นัด

พ.ต.อ.วิชิต อินทรศร ผกก.สภ.ฉลอง กล่าวว่า ในการจับกุมครั้งนี้เป็นการระดมกวาดล้างเพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่โดยได้มีการขอหมายค้นจากศาลจังหวัดภูเก็ต เข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายที่ต้องสงสัยว่ามีอาวุธปืน และมีการตั้งด่านสกัดตรวจค้นกลุ่มวัยรุ่น ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จนทำให้ปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ลดลงเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นแล้วกลุ่มคนร้ายที่กระทำความผิดมาจากต่างจังหวัดที่มาก่อเหตุในพื้นที่ หากมีการประสานความร่วมมือ ตนก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมเพื่อนำคนผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป ซึ่งก็จะมีการเข้มงวด กวาดล้างแบบนี้ต่อเนื่องต่อไป ...

ภาพข่าวโดย : บังเสริฐ
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันอังคารที่ 25 พ.ค. 2553

ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันอังคารที่ 25 พฤษภาคม 2553
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ฤาจะเป็นบรรทัดฐาน...!!!

"เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการชม"

ท่ามกลางยุทธการ "ชิงกระแส" ที่แต่ละฝ่าย "ปล่อยของ" ใส่กัน

ฝั่งหนึ่งฝ่ายถืออำนาจรัฐ "เทพเทือก" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) นำทีมแถลงโชว์คณะทูตนานาประเทศ ให้รับรู้กันทั่วโลก

ในฉาก "คลังแสงย่อยๆ" ที่เต็มไปด้วยกองระเบิด ปืน กระสุน อาวุธสงครามร้ายแรงนานาชนิดจำนวนมากมายก่ายกองที่ยึดได้ หลังเจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์เวทีชุมนุมแยกราชประสงค์ของกลุ่ม นปช. ว่ากันถึงขนาดยืนยัน "คาร์บอมบ์" ของจริงพร้อมใช้ประทับภาพ "ก่อการร้าย" กองทัพเสื้อแดง

ขณะที่อีกฝั่ง ฝ่าย "จำเลยสังคม" โดยการแก้ต่างของ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงพร้อมโชว์ภาพถ่าย อ้างมีคลิปวีดิโอที่ได้จากผู้ชุมนุม เป็นช็อตทหารที่อยู่บนรางรถไฟฟ้า ยิงใส่ประชาชนในวัดปทุมวนาราม จนเสียชีวิต 6 ศพ ทั้งๆที่เป็นเขตอภัยทาน

ถึงขั้นออกแถลงการณ์ในนามพรรคเพื่อไทย ผ่านทาง นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. ตอบโต้การแถลงการณ์ของรัฐบาลที่ระบุว่ามีการจับอาวุธของกลุ่ม นปช. ได้เป็นจำนวนมาก ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย เป็นไปตามที่พรรคได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า

รัฐบาลพยายามหาเหตุสร้างความชอบธรรมให้กับการสั่งการใช้กำลังทหาร พร้อมอาวุธสงคราม ร้ายแรงเข้าสลายการชุมนุมของประชาชนที่ชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ โดยพยายามบิดเบือนว่า ผู้ชุมนุมมีอาวุธ และเป็นผู้ก่อการร้าย ซึ่งการแถลงการของรัฐบาลนั้นขัดกับข้อเท็จจริง

ซัดรัฐบาล "จัดฉาก" ใส่ร้ายคนเสื้อแดง

พรรคเพื่อไทยย้อนศรขู่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ ศอฉ.เตรียมสู้คดีในศาลอาญาระหว่างประเทศ กรณีมีคนตายเป็นจำนวนมากจากการปราบกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.

เบิ้ลกันไป ซัดกันมา แล้วแต่วิจารณญาณ ผู้ชมทางบ้านจะเลือกเชื่อใคร
ที่แน่ๆโดยการชิงจังหวะเล่นเร็ว อาศัยช่วงชุลมุน

จับทางจากคิวที่ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกฯ รีบโยนหินตั้งแต่ควันไฟเผาเมืองยังโขมง เสนอกำหนดยุบสภาภายใน 4 เดือน แล้วก็โดนลูกหาบประชาธิปัตย์ด้วยกัน ออกมา "ตีปาก" นายกอร์ปศักดิ์พูดเองเออเองอยู่คนเดียว

ทั้งๆที่สถานการณ์กำลังเข้าทาง สมควรที่นายกฯอภิสิทธิ์จะลากยาวบนเก้าอี้ต่อไป

ประชาธิปัตย์ชงเองกินเอง แล้วก็เป็นคนนอกพรรคยี่ห้อ "บิ๊กเติ้ง" นายบรรหาร ศิลปอาชา หลงจู๊ใหญ่พรรคชาติไทยพัฒนา รีบออกมารับมุก รัฐบาลต้องเลื่อนวันเลือกตั้งออกไป ยังไงก็ไม่ทันวันที่ 14 พฤศจิกายน

อาศัยเหลี่ยมเซียน พลิกจังหวะตื๊ออยู่ยาวกันเนียนๆ

เอาเป็นว่า ยังไม่พูดถึง "ช็อตล้มกระดาน" ศาลรัฐธรรมนูญนัดตัดสินคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ จากกรณีการใช้เงินกองทุนสนับสนุนพรรคการเมือง 29 ล้านบาทผิดวัตถุประสงค์

"อภิสิทธิ์" จะต่อเวลาไปได้อีกกี่อึดใจ
ก่อนอื่นเลยกับคำถาม รัฐบาลจะรับผิดชอบอย่างไรกับชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์

ในฐานะผู้นำรัฐบาลพลเรือน ที่มีอำนาจสั่งการทหารเข้าสลายการชุมนุมของประชาชนฝ่ายต่อต้าน จนมีผู้เสียชีวิตที่นับจำนวนได้ไต่ขึ้นเกือบหลักร้อย ผู้บาดเจ็บที่เกินหลักพัน

"อภิสิทธิ์" มีแค่คำว่า "เสียใจ"

และโดยมาตรฐานนี้ มันจะเป็นบรรทัดฐานต่อไป ฝ่ายถืออำนาจในวันข้างหน้า จะถือเอาเป็นแบบฉบับในการปฏิบัติกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ต่อต้านรัฐบาล

ที่แน่ๆ ในสถานการณ์เกมอำนาจประเทศไทย แนวโน้มหลังเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ โดยกระแสและบาดแผลในหัวใจของฝ่ายเสื้อแดง ที่ถูกผลักไสให้รวมตัวเกาะกันแน่นในภาคอีสาน ภาคเหนือ รวมถึงพื้นที่โซนแดงในจังหวัดภาคกลาง และกรุงเทพฯเขตรอบนอก

โอกาสสูงที่พรรคเพื่อไทยจะพลิกกลับมาเป็นฝ่ายครองอำนาจ

แล้วตามวัฏจักร ก็จะเป็นฝ่ายประชาธิปัตย์ที่แท็กทีมกับคนเสื้อเหลือง กลับไปเป็นฝ่ายจัดม็อบไล่ล้มล้างขุมข่ายอำนาจนายใหญ่

ถ้าปราบม็อบแล้วคนตายไต่ขึ้นหลักร้อย โดยที่ผู้นำยังนิ่งอยู่ได้ รัฐบาลยังตื๊ออยู่ต่อไปด้วยข้ออ้างถ้ายุบสภาหรือลาออก จะทำให้พวกป่วนเมืองลอยนวล

มุกนี้ พวกจ้องใช้กำลังเข้าปราบยิ้มมุมปากเลย...

ทีมข่าวการเมือง รายงาน

ที่มา : http://www.thairath.co.th/column/pol/wikroh/84906
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

ภูเก็ตเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Expo 2020

ภูเก็ตประกาศความพร้อมทั้งพื้นที่จัดงาน เส้นทางคมนาคม ชูจุดขายเมืองแห่งศูนย์กลางการท่องเที่ยวระดับโลก คาดใช้เงินลงทุนนับหมื่นล้านบาท เที่ยบเท่าจัดฟุตบอลโลก หรือ โอลิมปิก...
วันนี้ (24 พ.ค.) นายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลก World Expo 2020 โดยมี นายสมิทธ์ ปาลวัฒน์วิไชย รอง ผวจ.ภูเก็ต นายสมบูรณ์ จิรายุ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต ตัวแทนหอการค้า ตัวแทนสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ และภาคเอกชนเข้าร่วมประชุม ตามที่กระทรวงมหาดไทยได้รับมอบหมายให้จัดหาจังหวัดเจ้าภาพ เพื่อเสนอความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพการจัดงานมหกรรมโลก World Expo 2020 ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 53

นายวิชัย ไพรสงบ ผวจภูเก็ต กล่าวว่า ตามเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกสถานที่ตั้งโครงการ และแนวคิดหลักของการจัดงานมหกรรมโลก ซึ่งประกอบด้วย 
1. เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่พร้อมจัดงานมหกรรมโลก World Expo 2020 ไม่น้อยกว่า 1,000-1,500 ไร่ 2. เป็นจังหวัดที่มีสนามบินนานาชาติ หรืออยู่ห่างจากสนามบินนานาชาติหลัก (สนามบินสุวรรณภูมิ)ในระยะทางไม่เกิน 200-250 กิโลเมตร 
3. เป็นจังหวัดที่มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานในปัจจุบัน และมีแผนการลงทุนในระยะสั้นยาว เพื่อเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมกับเมืองหลัก (กรุงเทพ) โดยมีระยะเวลาเดินทางไม่เกิน 150 นาที ประกอบด้วย โครงการพัฒนารถไฟฟ้าขนส่งมวลชน โครงการพัฒนาระบบรางและรถไฟความเร็วสูง โครงการรถไฟรางคู่และโครงการลงทุนสาขาขนส่ง หรือมีเครือข่ายการคมนาคมทางน้ำ ทางทะเลที่สามารถพัฒนาสู่ระบบขนส่งมวลชนที่จะเข้าร่วมงาน
4. เป็นจังหวัดที่มีที่พักอาศัย ทั้งโรงแรม 5 ดาว 4 ดาว 3 ดาวและอื่นๆ ที่สามารถรองรับการจัดงานหรือเดินทางจากจังหวัดที่มีความพร้อม ด้านที่พักอาศัยในระยะเวลาเดินทางไม่เกิน 150 นาที 
5. เป็นจังหวัดที่สามารถได้รับการสนับสนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและ ประชาชนในพื้นที่ในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลก World Expo 2020 
6. เป็นจังหวัดที่มีแผนการพัฒนาหรือยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมอย่างชัดเจน 
7. เป็นจังหวัดที่สามารถสร้างจุดเด่นหรือความแตกต่างทางวัฒนธรรมแหล่งท่องเที่ยว สามารถสร้างโครงสร้างอันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศหรือเน้นในการเสริมสร้างนวัตกรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรคหรือพัฒนาการด้านพลังงานทดแทน เป็นต้น และ 
8. เป็นจังหวัดที่สามารถพัฒนาเป็นศูนย์กลางจัดประชุมและนิทรรศการและสถาบัน การศึกษาและพัฒนาการเรียนรู้ของสังคมได้ ภายหลังการจัดงานมหกรรมโลก World Expo 2020

ทั้งนี้ การเสนอตัวครั้งนี้ของจังหวัดภูเก็ต เพื่อจัดงาน World Expo เสมือนกับการจัดแข่งขันโอลิมปิกหรือฟุตบอลโลก ประเทศหรือจังหวัดนั้นๆ จะต้องมีความพร้อมและเข้าหลักเกณฑ์ตามที่กำหนด ซึ่งจะต้องมีการนำเสนอรายละเอียดต่างๆ เช่น พื้นที่จัดแสดงงาน โดย จ.ภูเก็ต มีพื้นที่ในความรับผิดชอบของธนารักษ์ภูเก็ตบริเวณตอนเหนือของเกาะ หรือพื้นที่ระหว่างการจัดสร้างศูนย์ประชุมและจัดแสดงสินค้านานาชาติ บ้านท่าฉัตรไชย ต.ไม้ขาว อ.ถลางราว 800-1,500 ไร่ ส่วนหลักเกณฑ์อื่นๆ จ.ภูเก็ต พร้อมและเหนือกว่าจังหวัดอื่น เช่น ชลบุรี หรือ เมืองพัทยา ที่จังหวัดดังกล่าวอาจส่งเข้าแข่งขันเช่นกัน เนื่องจากมีภูมิประเทศและลักษณะใกล้เคียงกับ จ.ภูเก็ต

ทางด้าน นายสมบูรณ์ จิรายุ นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต กล่าวว่า การเป็นเจ้าภาพจัดงาน World Expo 2020 หรืออีก 10 ปีข้างหน้าจะต้องใช้งบประมาณนับหมื่นล้านบาทเหมือนกับการจัดโอลิมปิกหรือ ฟุตบอลโลก โดยจากคุณสมบัติทั้ง 8 ข้อ ภูเก็ตอาจมีข้อด้อยเพียงเรื่องพื้นที่จัดงานอยู่บ้าง แต่ถ้าภูเก็ตได้รับการคัดเลือกให้เป็นพื้นที่จัดงานดังกล่าวจริง จะทำให้โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ตามมาด้วย โดยส่วนตัวแล้วเห็นด้วยกับการนำเสนอให้ภูเก็ตเป็นเจ้าภาพจัดงานดังกล่าว ส่วนจะได้หรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง โดยการนำเสนอตัวนั้น จ.ภูเก็ตควรนำเสนอจุดขายการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวระดับโลก ซึ่งย่อมเหนือกว่าจังหวัดอื่นๆ ในประเทศอย่างแน่นอน ...

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันจันทร์ที่ 24 พ.ค. 2553

ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม 2553
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

"เซ็นทรัล" แจง ตลท. ทำประกันจราจล 3.5 พันล้าน

"เซ็นทรัล" แจงตลาดหุ้นได้รับประกันภัยครอบคลุมเหตุจลาจล 3.5 พันล้าน-ธุรกิจหยุดชะงัก

เมื่อวันที่ 24 พ.ค.53 นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ เลขานุการ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่า ตามที่ CPN ได้ทำสัญญาเช่าระยะยาวที่ดิ
นและสิ่งปลูกสร้างโครงการเซ็นทรัลเวิลด์ในนามกองทุนรวมธุรกิจไทย 4 จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ อันประกอบด้วย
1) ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
2) อาคารสำนักงานเซ็นทรัลเวิลด์
3) ห้างสรรพสินค้าเซ็น ซึ่งเป็นผู้เช่าพื้นที่ระยะยาว (เซ้ง) ของ CPN
4) ห้างสรรพสินค้าอิเซตัน ซึ่งเป็นผู้เช่าพื้นที่ระยะยาว (เซ้ง) ของ CPN
5) ที่ดินบางส่วน ซึ่ง CPN ให้เช่าช่วงกับกลุ่มบริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) ในการก่อสร้างและประกอบธุรกิ
จโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์
สืบเนื่องจากเหตุการณ์จลาจลและเกิดเพลิงไหม้โครงการเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบในเบื้องต้นคาดว่าส่งผลให้ทรัพย์สินของโครงการเซ็นทรัลเวิลด์ได้รับความเสียหาย ดังนี้
- ห้างสรรพสินค้าเซ็น ได้รับความเสียหายเป็นส่วนใหญ่
- ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ได้รับความเสียหายบางส่วน

ทั้งนี้ CPN ได้ทำประกันภัยทุกประเภทความเสี
ยหายไว้แล้ว สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการตรวจสอบและการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญอิสระที่เกี่ยวข้องและบริษัทประกันภัย

ในกรณีการปิดให้บริการเพื่อปรั
บปรุงพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายในส่วนห้างสรรพสินค้าเซ็น ห้างสรรพสินค้าอิเซตัน รวมถึงพื้นที่ของผู้เช่าระยะยาวอื่นๆ จะไม่ส่งผลกระทบต่อรายได้ของ CPN อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากเป็นผู้เช่าพื้นที่ระยะยาว (เซ้ง) ซึ่งไม่มีการชำระค่าเช่ารายเดือน สำหรับผู้เช่าที่เป็นสัญญาเช่าระยะสั้นและชำระค่าเช่ารายเดือน CPN จะได้รับการคุ้มครองค่าเสียหายจากการสูญเสียรายได้ตามกรมธรรม์ธุรกิจหยุดชะงัก (Business Interruption) ซึ่งเป็นกรมธรรม์ประกันภัยประเภทหนึ่งที่ CPN ทำไว้

ทั้งนี้ CPN จะเร่งดำเนินการเพื่อให้ศูนย์
การค้าเซ็นทรัลเวิลด์สามารถเปิดให้บริการได้โดยเร็ว โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญสำหรับศูนย์การค้าโครงการอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของ CPN อีก 14 แห่ง ยังเปิดให้บริการตามปกติ
วันเดียวกัน นายบัลลังก์ แก้วปานกัน เลขานุการคณะกรรมการบริษัท ไทยเศรษฐกิจประกัน ภัย จํากั ด (มหาชน) แจ้งว่า บริษัทได้รับ ประกันภัย ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ จากบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) สำหรับความคุ้มครองภัยก่อการร้าย การจลาจล และการกระทำที่เป็นเจตนาร้ายในวงเงิน 3,500 ล้านบาท และได้เอาประกันภัยต่อไปยังตลาดประกันภัยลอยด์ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยมีกลุ่มบริษัทผู้รับประกันภัยต่อรายใหญ่จำนวน 5 ราย ตกลงรับประกันภัย ในสัดส่วน 99.95% ของทุนประกันภัยทั้งหมด โดยบริษัทฯมีส่วนรับผิดชอบเองเพียงร้อยละ 0.05 ของวงเงินทุนประกันภัยทั้งหมด หรือประมาณ 1.75 ล้านบาท เริ่มคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2522 ถึง 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2553 เวลาประมาณ 12.45 นาฬิกา ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้อันเกิ
ดจากการจลาจล ทำให้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ได้รับความเสียหาย ซึ่งบริษัทฯได้ดำเนินการแจ้งเหตุดังกล่าวไปยังผู้รับประกันภัยต่อที่ประเทศอังกฤษเรียบร้อยแล้ว และได้แต่งตั้งให้บริษัทสำรวจภัย ชื่อ บริษัท แมคลาเรน จำกัด เตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสำรวจภัยและความเสียหายซึ่งหากสามารถประเมินความเสียหายได้แล้วจะแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์ และนักลงทุนโดยทั่วไป ได้ทราบความคืบหน้าต่อไป ... 
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

'วงศ์ศักดิ์' ร้องก.พ. โดนเด้งจากตำแหน่งไม่เป็นธรรม

อดีตอธิบดีกรมการปกครอง ร้องก.พ. โวยโดนเด้งพ้นเก้าอี้ไม่เป็นธรรม เชื่อขวางผลประโยชน์ฝ่ายการเมือง เป็นเหตุถูกโยกย้าย...

วันนี้ (24 พ.ค.) นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีมติครม.สั่งโยกย้ายจากตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครอง ไปเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย

"มาร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม กรณีถูกมติครม.โยกย้ายไปเป็นผู้ตรวจราชการ เพื่อให้คณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรมพิจารณาให้ความเป็นธรรม เพราะเป็นการแต่งตั้งที่ไม่สมเหตุสมผล การมาร้องเรียนครั้งนี้ ไม่ได้เสียดายตำแหน่ง แต่ไม่อยากให้ผู้บริหารทำให้สังคมเน่าเฟะ ตนรับไม่ได้ เพราะยังไม่รู้เลยว่าทำผิดอะไรจึงถูกโยกย้าย และไม่เคยแจ้งเหตุผลการโยกย้าย ทั้งที่ทำงานทุกอย่างตามขั้นตอนกฎหมายตลอดมา" นายวงศ์ศักดิ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ในหนังสือที่ร้องขอความเป็นธรรมต่อคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม นายวงศ์ศักดิ์ มีการระบุถึงสาเหตุการถูกโยกย้ายว่า เพราะไปขัดขวางผลประโยชน์ในโครงการต่างๆ ทำให้รมว.มหาดไทย ปลัดกระทรวงมหาดไทย และฝ่ายการเมืองไม่พอใจ จึงถูกโยกย้าย อาทิ โครงการจัดระบบให้บริการประชาชนด้านการทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชนแบบใหม่ วงเงิน 3,490 ล้านบาท รวมถึงการไม่สนับสนุนโครงการที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการด้วยวาจาให้อธิบดีกรมการปกครอง สนับสนุนอาวุธปืนลูกซอง 5 นัด จำนวน 3,000 กระบอก พร้อมกระสุนให้ศอฉ. ...

ที่มา : http://www.thairath.co.th/content/pol/84981
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันเสาร์ที่ 22 พ.ค. 2553

ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม 2553
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันศุกร์ที่ 21 พ.ค. 2553

ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม 2553
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ภาพเหตุการณ์เพลิงไหม้ "ห้างเซ็นเตอร์วัน"

เมื่อช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันนี้ (20 พ.ค.) ได้มีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งประมาณ 100 คน บุกเข้าไปทำการวางเพลิงเผา ห้างเซ็นเตอร์วัน และอาคารข้างเคียง บริเวณถนนราชวิถี ใกล้วงเวียนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยเพลิงได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากภายในห้างดังกล่าวมีวัสดุที่เป็นเชื้อเพลิงเป็นจำนวนมาก 

จนกระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 10 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถควบคุมเพลิงได้เพียงบางส่วน โดยพยายามควบคุมไม่ให้เพลิงลุกลามไปยังอาคารข้างเคียง ท่ามกลางบรรดาไทยมุงจำนวนมากมุงดูอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ...

ภาพมุมกว้างมองเห็นกลุ่มควันพวยพุ่งมาจากบริเวณพื้นที่ไฟไหม้
 กลุ่มควันสีดำหนาพวยพุ่งมาจากห้างเซ็นเตอร์วันอย่างชัดเจน
   รถดับเพลิงของ กทม. ระดมกำลังสกัดเพลิงที่กำลังลุกไหม้อย่างเต็มที่
 อาคารร้านหนังสือดอกหญ้าในบริเวณใกล้เคียงถูกเพลิงเผาจนวอดทั้งหลัง
 อีกมุมหนึ่งของพื้นที่เกิดเหตุ
สองพนักงานดับเพลิงกำลังพยายามฉีดน้ำสกัดเพลิงบริเวณด้านบนของอาคารเซ็นเตอร์วัน
  อีกทีมหนึ่งพยายามฉีดน้ำสกัดบริเวณด้านข้างอาคารเซ็นเตอร์วัน
  แม้ จนท.ะพยายามฉีดน้ำสกัด แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งการลุกไหม้ได้
 หมดแรง...จนท.ดับเพลิงนั่งพักอย่างหมดแรง หลังพยายามฉีดน้ำสกัดเพลิงที่กำลังลุกไหม้ และยังไม่มีทีท่าว่าจะสามารถควบคุมได้
  จนท.ตัดสินใจส่งชุดผจญเพลิงเข้าไปในอาคาร เพื่อตรวจสอบพื้นที่และจุดที่เพลิงกำลังลุกไหม้ เพื่อวางแผนในการควบคุมเพลิง
 บริเวณด้านนอก ทั้งบนสะพานลอยคนข้าม และบริเวณด้านล่างเต็มไปด้วยบรรดา ผู้สื่อข่าว และไทยมุง ที่มาเฝ้าสังเกตุการณ์ในพื้นที่เกิดเหตุ
 ----------------------------------------------------------
Posted by : ทีม ข่าวภูเก็ตอีนิวส์

เสื้อแดง...กู่ไม่กลับแล้ว...!!!

เสาร์เล็งพฤหัส พฤหัสเล็งเสาร์ ในแนวเดียวกัน ดาววินาศดวงเมือง

ตีสามของรุ่งวันใหม่ 19 พฤษภาคม โดยฤกษ์ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กดปุ่มไฟเขียว กองกำลังทหารเริ่มปฏิบัติการเคลื่อนพลเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุม  นปช.แดงทั้งแผ่นดิน กระชับวงล้อมยึดคืนพื้นที่เวทีราชประสงค์

ฟ้าสาง ฉากสงครามกลางเมืองเต็มรูปแบบ

กรุงเทพมหานครเมืองฟ้าอมรกลายเป็นดินแดนมิคสัญญี เต็มไปด้วยควันพวยพุ่งขึ้นเต็มท้องฟ้า จากการเผาป่วนเมืองของกลุ่มผู้ชุมนุม ขณะที่รถสายพานลำเลียงพลหุ้มเกราะพร้อมกำลังทหารถืออาวุธครบมือ ดาหน้าบุกเข้าทำลายแผงบังเกอร์ของกลุ่มผู้ชุมนุม เร้าด้วยเสียงปืน เสียงระเบิดดังต่อเนื่อง

ศพคนถูกยิงนอนตายคาถนน

กลายเป็นภาพข่าวกระจายไปทั่วโลก ผ่านจอสำนักข่าวใหญ่ ทั้งบีบีซี รอยเตอร์ ซินหัว บลูมเบิร์ก อัลจาซีรา โดยเฉพาะซีเอ็นเอ็นได้รายงานข่าวชนิดปล่อยเบรกยาว

"กลียุค" คนไทยลุยฆ่ากันเอง

แน่นอน...ชัยชนะในเกมรบย่อมตกเป็นของฝ่ายคุมอำนาจรัฐ ที่มีกองกำลังทหารติดอาวุธเต็มอัตราศึก เป็นเครื่องมือในการสยบม็อบประชาชนที่ถูกสร้างฉากว่า มีกลุ่มก่อการร้ายแฝงตัว เต็มไปด้วยอาวุธสงคราม

แต่ลุยกันจริงๆก็สู้ได้แค่ไม่กี่ยก นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ

13.25 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ขึ้นประกาศบนเวที ยกขบวนแกนนำเข้ามอบตัวกับตำรวจที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

อ้างไม่ได้ยอมจำนน แต่ไม่ต้องการให้พี่น้องเสื้อแดงสูญเสียชีวิตไปมากกว่านี้

ยุติเวทีชุมนุม...เพื่อหยุดความตาย

ท่ามกลางเสียงโห่ฮา ตะโกนด่า โห่ร้องด้วยความไม่พอใจ บางคนถึงกับร่ำไห้ ปะทุอารมณ์ของมวลชนเสื้อแดงที่ยังโกรธแค้น ไม่ยอมสลายตัวกลับบ้านง่ายๆ

ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมด้านนอกยังคงเปิดฉากลุยกับเจ้าหน้าที่ เผาไฟป่วนเมือง

ในสถานการณ์ที่แนวรบคนเสื้อแดงในต่างจังหวัด ก็กระจายพรึ่บพรั่บทั้งเชียงใหม่ อุดรธานี ขอนแก่น อุบลราชธานี โฟกัสที่ภาคอีสานกับภาคเหนือ รวมตัวบุกยึด เผาศาลากลางจังหวัด เพื่อตอบโต้รัฐบาลที่สั่งการกองกำลังทหารสลายกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.ที่กรุงเทพฯ

ในอารมณ์ที่เตลิดไปไกลถึงขั้นที่ นายประภาส ยงคะวิสัย แกนนำคนเสื้อแดงกาฬสินธุ์ ได้รวบรวมบัตรประชาชนคนเสื้อแดง เพื่อไปมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัด

คืนความเป็นคนไทย

โดยอ้างว่า เป็นการต่อสู้ในเชิงสัญลักษณ์ จากผลการล้อมปราบประชาชนของรัฐบาล ทำให้คนเสื้อแดงไม่ยอมรับความเป็นไทย ทั้งนี้ ยังได้เรียกร้องให้ทั่วประเทศคืนบัตรประชาชน เพื่อร่วมกดดันรัฐบาลในการปฏิเสธความเป็นคนไทย

คนเสื้อแดงเดินทางมาไกลเกินกว่าจะกู่เรียกกลับ ตามสถานการณ์ที่ไฟยังไม่ดับง่ายๆ แม้เกมรบบนดินโดนรัฐใช้กำลังสลาย

ไฟต์บังคับกองทัพแดงมุดลงใต้ดิน

คนชื่อ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ยังสบายอกสบายใจไม่ได้

ที่แน่ๆกับตัวเลข 67 ชีวิตที่สูญเสียไปนับแต่เริ่มการชุมนุมของคน เสื้อแดงตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม ยังไม่นับรวมกับตัวเลขที่เพิ่ม ในไฟต์หักดิบล่าสุดสังเวยไปอีกกี่ชีวิต

จากหลักสิบไต่ขึ้นหลักร้อยศพ "อภิสิทธิ์" จะทรงตัวอยู่บนกองเลือดได้อีกกี่อึดใจ

แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่า จับอารมณ์มวลชนเสื้อแดงที่ยังโกรธแค้นถึงขนาดล้อมกรอบ ยื้อแย่งฉุดกระชากตัวแกนนำ นปช.ที่ประกาศเข้ามอบตัวกับตำรวจ ไม่ยอมให้หมอบง่ายๆ

ผู้หญิง คนแก่ ตั้งท่าพร้อมลุยสู้ตายกับทหาร

โดยสัญญาณที่ฝ่ายคุมเกมอำนาจประเทศไทยย่อมรับรู้ได้ การต่อสู้ของคนเสื้อแดงได้ยกระดับเลย "ทักษิณ ชินวัตร" ไปแล้ว

รับจ้างไปตาย ดูแคลนเสื้อแดงต่ำเกินไป

ภายใต้ความเคียดแค้น ชิงชัง กับภาพของแนวร่วมที่ตายเป็นใบไม้ร่วง ในฉากที่รัฐบาลพลเรือนสั่งการทหารลุยปราบรุนแรง ตอกย้ำหมุดที่ถูกฝังหัวเรื่องสองมาตรฐาน

แผลในใจคนเสื้อแดงบาดลึก ยากเยียวยา...

ทีมข่าวการเมือง รายงาน

ที่มา : http://www.thairath.co.th/column/pol/wikroh/84087
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

ศอฉ.ขยายประกาศเคอร์ฟิวต่ออีก 3 วัน ตั้งแต่ 3 ทุ่มถึงตี 5

ศอฉ.ขยายระยะเวลาประกาศเคอร์ฟิว เพิ่มอีก 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 20 - 22 พ.ค. โดยห้ามออกนอกบ้านตั้งแต่เวลา 21.00 น. - 05.00 น. ชี้ผู้นำกองทัพเห็นตรงกัน ช่วยเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานง่ายขึ้น...

ที่ กรมทหาราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) พล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยภายหลังการประชุมศูนย์ อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ในรอบเช้าวันที่ 20 พ.ค. ซึ่งมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะ ผอ.ศอฉ. เป็นประธานและมี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ร่วมรับฟังด้วยว่า ที่ประชุม ศอฉ.มีมติเห็นชอบให้มีการประกาศเคอร์ฟิวต่อไปอีก 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 20-22 พ.ค. ในเวลา 21.00-05.00 น. คลอบคลุมพื้นที่ทุกจังหวัดที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง ตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งหมด 24 จังหวัด

ทั้งนี้ ในที่ประชุมนายกรัฐมนตรี ได้มีการสอบถามความคิดเห็นจากผู้นำเหล่าทัพ เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร และ ตำรวจ ว่าหากจะมีการประกาศเคอร์ฟิวจะมีผลดีหรือประโยชน์อย่างไร ซึ่งทุกฝ่ายก็ยังคงยืนยันว่าการประกาศเคอร์ฟิว จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ ในการเข้าไปดูแลแก้ไขปัญหาความไม่สงบ สำหรับพื้นที่ต่างจังหวัดที่ยังมีปัญหาก่อความไม่สงบ และต้องเร่งแก้ไขปัญหาต่อไป ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เป็นฐานที่มั่นสำคัญของกลุ่มคนเสื้อแดง อาทิ เช่น ที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.ขอนแก่น ...

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

การ์ตูน "เซีย" ประจำวันพฤหัสบดีที่ 20 พ.ค. 2553

ที่มา : น.ส.พ.ไทยรัฐ ประจำวันพฤหัสบดีที่ 20 พฤษภาคม 2553
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

"กลุ่มแดงสยาม" ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 4


แถลงการณ์ แดงสยาม ฉบับที่ ๔
เรื่อง ย่างก้าวของขบวนประชาธิปไตย

แดงสยาม ได้ติดตามสถานการณ์การเมืองในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๓ ซึ่งลงท้ายด้วยการปราบปรามผู้เรียกร้องประชาธิปไตยด้วยกำลังทหาร และกระบวนการทางกฎหมาย ได้ติดตามการประกาศยุติการชุมนุมเพื่อสงวนชีวิตมวลชน เมื่อวันพุธที่ ๑๙ พฤษภาคม และได้รับรู้ถึงความคับแค้นใจของมวลชนต่อการกระทำของระบอบอำมาตยา ธิปไตยและเผด็จการโบราณที่ติดตามมาหลังจากนั้น เราจึงขอแสดงจุดยืนดังนี้

 ๑. แดงสยาม ของคารวะต่อจิตใจต่อสู้ของมวลชนทั่วประเทศและในต่างประเทศ ที่ได้แสดงออกโดยตลอดมา อย่างผู้มีจิตใจสูงและมีทัศนะการเมืองที่ก้าว หน้า พร้อมที่จะก้าวข้ามอุปสรรคเฉพาะหน้าไปสู่เป้าหมายหลัก คือประชาธิปไตยที่แท้จริงในอนาคต เราขอยืนยันว่า การเสียสละของมวลชนทุกผู้ทุกนามในครั้งนี้ ไม่สูญเปล่า แต่กลับต่อยอดการจัดตั้งประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจนพ้นระดับ ปฏิรูป

 ๒. แดงสยาม ขอแสดงความชื่นชมต่อแกนนำผู้ที่ได้ตัดสินใจสงวนชีวิตมวลชน ไว้อย่างเต็มความสามารถ เพื่อการต่อสู้ในอนาคต และขอประกาศว่าแกนนำทุกท่านมีส่วนร่วมในการ เตรียมมวลชนครั้งสำคัญในครั้งนี้ ไม่ว่าเราจะเห็นสอดคล้องหรือแตกต่างอย่างไรในวิธีการ

 ๓. แดงสยาม ขอประกาศการสิ้นสุดลงของแนวทางปฏิรูปเพื่อประชาธิปไตย และเริ่มการปฏิวัติเพื่อสถาปนาระบอบประชาธิปไตยอันแท้จริงขึ้นใน ประเทศไทย ณ บัดนี้

แถลง ไว้ ณ วันพุธที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๓

-------------------------------------------------------- 

The Announcement of Dang Sayam (Red Siam) No. 4
“Our Path Towards True Democracy”

Dang Sayam has been following the situation during the months of April and May of 2010, which ended in a brutal government suppression on all democracy advocates with the military forces and “the legal system”. We have followed the announcement to end a rally for democracy at Rajprasong on May 19 to save lives. And we have been witnessing the people’ discontent over Thailand’s aristocracy and its ancient regime.
Here are our stance:

1. We commend all individuals who gathered together for democracy, both in Thailand and overseas, in expressing the true courage and progressive political thoughts all along these years of uprising. They are clearly ready to overcome any immediate obstacles in order to achieve true democracy in the near future. We wish to insist that their devotion does not end in vain, but become a major continuation of the next stages.

2. We admire all UDD leaders in doing their very best to save precious lives of the people. Their contribution to our course is duly noted, despite a few differences in ways and means at times.

3. We declare that any attempt of “democratic reform” has now ended. From today, we begin the journey of democratic revolution of Thailand until we achieve one.
  
This is announced on Wednesday, May 19 of 2010.

--------------------------------------------------------

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

ภาพเหตุการณ์เดือด 19 พฤษภา "วันมหาวิปโยค" (ชุด 2)

 
ทหารหน่วยซุ่มยิงพร้อมอาวุธ กำลังเคลื่อนตัวบนรางรถไฟฟ้า BTS 
บริเวณแยกศาลาแดง ตรงไปยังแยกราชประสงค์
ทหารหน่วยซุ่มยิงพร้อมอาวุธกำลังเคลื่อนตัวบนรางรถไฟฟ้า BTS 
บริเวณแยกศาลาแดง ตรงไปยังแยกราชประสงค์
 
ทหารพร้อมอาวุธสงครามจำนวนหนึ่ง เริ่มบุกเข้าถึงบริเวณด้านข้าง รพ.จุฬาฯ
 
ขณะที่ทหารชุดหนึ่งกำลังผลักดันเข้าไปยังพื้นที่ชุมนุม
กำลังทหารชุดหลังก็คอยเฝ้าระวังอย่างรัดกุม
 
ผู้ชุมนุมคนหนึ่งถูกยิงตายคาเต้นท์ โดยไม่มีทางต่อสู้
 
อีกรายที่ต้องสังเวยต่อปฏิบัติการของทหารตามคำสั่งของรัฐบาล
ทั้งที่ไม่มีอาวุธใดๆ
 รายนี้ก็เสียชีวิตคาที่เพราะถูกยิงโดยปืนยิงระยะไกลเข้าที่หัว
 
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงพยายามที่จะดับไฟบริเวณแนวบังเกอร์ไม้ไผ่
ด้านแยกศาลาแดง หลังถูกกลุ่มผู้ชุมนุมจุดไฟขึ้นเพื่อให้เกิดควัน
หลังทำลายบังเกอร์ไม้ไผ่ได้แล้ว ทหารเริ่มวางแนวป้องกันทันที
น่าอนาถ...แท้ "ไพร่...ผู้กล้า...ท้าทายอำมาตย์"
-----------------------------------------------------------

Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์