อดีตนายกฯทักษิณ โฟนอิน ปิดอบรม รร.แดง นปช.ที่อุดรฯ ท้า รัฐบาลเลือกตั้งแข่งถ้ามั่นใจผลโพล ย้อนถามไปสำรวจใครมา เผยไปกัมพูชา 12 พ.ย.แค่บรรยายเศรษฐกิจเท่านั้น
เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 8 พ.ย. นายขวัญชัย สาราคำ หรือ ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร เปิดเวทีปราศรัยของกลุ่มคนเสื้อแดง บริเวณสนามทุ่งศรีเมือง เทศบาลนครอุดรธานี หลังพิธีปิดการเรียนการสอน "โรงเรียนปฏิบัติงาน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน รุ่นที่ 5 อีสาน 19 จังหวัด" พร้อมมอบใบประกาศเกียรติคุณ ให้แกนนำคนเสื้อแดงระดับหมู่บ้าน ที่เข้าร่วมอบรม จำนวน 1,350 คน ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี โดยมีแกนนำ นปช.และ สมาชิกคนเสื้อแดง จากอำเภอต่างๆ กว่า 5,000 คน ร่วมชุมนุม โดยมี นพ.เหวง โตจิราการ, นายชินวัตร หาบุญภาค, นายอดิศร เพียงเกษ พร้อมกับ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทยใน จ.อุดรธานี ทั้ง 8 คน สลับกันปราศรัย เนื้อหาโจมตีการทำงานของรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ รวมถึงกรณีที่รัฐบาลไทยมีปัญหากับกัมพูชา รวมถึงผลโพลล่าสุด ที่ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีความนิยมสูงขึ้นกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ต่อมาเวลา 20.35 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โฟนอินเข้ามายังโทรศัพท์มือถือของนายขวัญชัย ต่อสัญญาณผ่านเครื่องขยายเสียง กล่าวทักทายกับผู้มาร่วมชุมนุม รวมถึงเรื่องการเปิดโรงเรียนปฏิบัติงาน นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ที่ จ.อุดรธานี ที่มีผู้สูงอายุถึง 85 ปี และเด็กอายุ 11 ปี มาร่วมเรียนเป็นเพื่อนกัน ว่า นับว่าเป็นความเข้มแข็ง และมีการรวมตัวกันอีกครั้งของคนเสื้อแดง
นอกจากนี้ ยังเปรียบเทียบถึงที่มาของรัฐบาลว่า เป็นรัฐบาลที่ไม่สามารถเป็นขึ้นมาด้วยตัวของตัวเอง ต้องใช้ทหารเป็นเบื้องหลัง ตั้งรัฐบาลได้ด้วยการปฏิวัติ เป็นรัฐบาลแล้ว ทำงานก็ไม่ประสบผลสำเร็จ ทำตัวเป็นจงอางหวงไข่ เป็นมุมของพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว นอกจากนี้ ยังทำให้พระเอกกลายเป็นผู้ร้าย และผู้ร้ายกลายเป็นพระเอก พรรคประชาธิปัตย์คิดแต่อย่างนี้ เมื่อมาเป็นรัฐบาลก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ มีการคอรัปชั่นกันอย่างมหาศาล มีแต่การประครองตัวให้อยู่รอด ไม่ได้มองถึงประชาชนที่กำลังเดือดร้อนเลย ทำอะไรก็ไม่เป็น นอกจากหาเรื่องเล่นงานตนเอง
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวต่อกรณีโพลระบุว่าคะแนนนิยมของตนเองลดลง ว่า ตนขอถามว่าคนทำโพล ไปถามใครมา ถ้าคะแนนนิยมของตนลดลงจริง ก็อยากให้มีการเลือกตั้งใหม่ให้เร็วที่สุด ตอนนั้นก็จะรู้ว่า ใครจะได้รับเลือกเข้ามามากกว่ากัน ส่วนที่ตนจะไปประเทศกัมพูชา ก็ไปเพียงแค่บรรยายเรื่องของเศรษฐกิจเท่านั้น ยังไม่มีอะไรทั้งสิ้น ...
ที่มา : http://www.thairath.co.th/content/pol/45469
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น