วันศุกร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2553

มีแสงแห่งความเป็นธรรมไรๆ...จากสื่อ "ไทยรัฐ"

คอลัมน์ กล้าได้ กล้าเสีย โดย สายล่อฟ้า : ประจำวันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2553 เวลา 05.00 น.

โคมลอย

จนถึงวันนี้ รัฐบาลก็ยังเดินหลงทางไปเรื่อยๆ จนบางครั้งทำให้คิดว่า รัฐบาลชุดนี้โง่หรือแกล้งโง่กันแน่ก็ไม่รู้ เพราะหลายฝ่ายได้เสนอหนทางที่ดีในการแก้ปัญหาความขัดแย้งให้รัฐบาลนำไป ตัดสินใจมากมาย แต่รัฐบาลก็ยังทู่ซี้จะเลือกใช้วิธีที่จะทำให้ปัญหาลุกลามบานปลายไม่หยุด เหมือนลึกๆแล้วกลัวอะไรบางอย่างอยู่ในใจ จนไม่กล้าที่จะเลือกใช้วิธีอื่น

นอกจากจะต้องยืนกระต่ายขาเดียว หลับหูหลับตาใช้อำนาจตามกฎหมายสู้กับม็อบเสื้อแดง โดยยังเชื่อมั่นว่า เคยทำสำเร็จมาแล้วในช่วงเหตุการณ์ม็อบเสื้อแดงชุมนุมเมื่อเดือนเมษายนปีก่อน และเชื่อว่าหากนำวิธีการเดิมๆมาใช้อีก ก็จะสำเร็จอย่างแน่นอน

แต่ผิดคาด คราวนี้ปัจจัยหลายอย่างเปลี่ยนไป แต่รัฐบาลยังเลือกใช้วิธีการเดิมๆ ก็เลยไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจเอาไว้ สถานการณ์กลับลุกลามบานปลายมากขึ้น โดยเฉพาะกำลังทหารที่นำออกมาใช้อย่างมากมายนั้น ได้ทำให้เกิดความสูญเสียชีวิตของทั้งสองฝ่ายจำนวนมาก

รัฐบาลไม่สามารถโยนความผิดไปให้ม็อบเสื้อแดงที่มีแต่คนมือเปล่าได้ ก็เลยโยนความผิดไปให้ผู้ก่อการร้ายชุดดำ ซึ่งมีการจับภาพได้ว่า ใช้อาวุธสงครามร้ายแรงเล็งยิงในช่วงที่มีการปะทะระหว่างทหารกับม็อบเสื้อแดง

ฉะนั้น เรื่องนี้จะต้องมีการพิสูจน์กันต่อไปว่า ผู้ก่อการร้ายตามคำนิยามของรัฐบาลอภิสิทธิ์เป็นใคร เพราะตามความเห็นของผม เป็นไปได้ว่า อาจเป็นคนของทางการ และไม่ใช่คนของทางการ เรื่องนี้ต้องจับตัวเป็นๆ มายืนยันกันตรงหน้า หากจับไม่ได้ก็เชื่อใครไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นนายกฯ หรือแกนนำเสื้อแดง

สำหรับประเด็นใหญ่ที่ควรนำมาถกเถียงกันให้ชัดเจนก็คือ ข้อกล่าวหาจากรัฐบาลที่ระบุว่า ผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้มีเป้าหมายต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ โดยรัฐบาลไม่ได้บอกให้ชัดเจนว่า คนกลุ่มนี้ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไปอย่างไร และไม่ได้แสดงหลักฐานต่อสาธารณชนให้ชัดเจนว่า จริงหรือไม่ที่มีคนกลุ่มหนึ่งต้องการสร้างความรุนแรงเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทย

ข้อสำคัญ ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 เมษายน หากพิจารณาแล้ว ก็เป็นความรุนแรงที่เกิดจากการสั่งให้ทหารเข้ามาสลายม็อบจนมีการยิงต่อสู้กันเกิดขึ้น หากรัฐบาลเลือกที่ไม่ใช้กำลังทหารเข้าสลายม็อบ แต่ยุบสภา เหตุการณ์ก็จะออกมาดีกว่านี้ อย่างน้อยก็จะไม่มีการปะทะกันจนบาดเจ็บล้มตายมากมายแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น ผมเชื่อมั่นว่าไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่สามารถมาเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ไปตามอำเภอใจได้ง่ายๆ เพราะการเปลี่ยนแปลงประเทศต้องถามความเห็นประชาชนทั้งประเทศเสียก่อน รัฐบาลอภิสิทธิ์จะมาทำตัวเป็นฮีโร่ สำคัญตนผิดคิดว่าเป็นผู้ขัดขวางการเปลี่ยนแปลงประเทศ ผมว่าออกจะเว่อร์เกินไป เพราะถึงไม่มีรัฐบาลอภิสิทธิ์ก็ใช่ว่าใครหน้าไหนจะมาทำอะไรตามอำเภอใจในบ้าน เมืองของเราได้ง่ายๆ

ฉะนั้น ประเด็นสำคัญตอนนี้จึงไม่ได้อยู่ที่ว่า มีผู้ก่อการร้ายหรือมีใครคิดเปลี่ยนแปลงประเทศหรือไม่

แต่อยู่ที่รัฐบาลชุดนี้ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบต่อการบริหารประเทศเพื่อให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขแก่ ประชาชนโดยทั่วไป ไม่มีความสามารถจะกระทำภารกิจดังกล่าวให้สำเร็จลุล่วงต่างหาก

สาเหตุก็เพราะรัฐบาลกลัวแพ้เลือกตั้ง เลยไม่กล้ายุบสภา ไม่กล้าใช้กลไกประชาธิปไตยเข้ามาตัดสินปัญหาเฉพาะหน้า และไม่มีวิธีการที่ดีพอในการจัดการแก้ปัญหาความขัดแย้งในระยะยาวด้วยกลไก ประชามติ

ตอนนี้เท่าที่ทำได้ก็คือ ปล่อยข่าวโคมลอยเพื่อเอาตัวรอดไปเรื่อยๆ เท่านั้นเอง...

ที่มา : http://www.thairath.co.th/column/pol/gladai/76920
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น