วันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2553
จับเท็จ "ไก่อู" อ้างมั่วผู้ก่อการร้ายยิงทหาร
เมื่อเวลา 20.00 น. วันนี้ (30 เม.ย.) ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11รอ.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ได้แถลงถึงสาเหตุการเสียชีวิตของ พลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาระ ขณะปฏิบัติที่บริเวณอนุสรณ์สถานเมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยมีการนำภาพวิดิโอวันเกิดเหตุมาให้สื่อมวลชนรับชมพร้อมบรรยายว่า
บริเวณที่เกิดเหตุเป็นบริเวณถนนวิภาวดีขาออก แถวข้างหน้าเป็นแถวตำรวจ จะเห็นได้ว่า คนนั่งซ้อนท้ายหัวพุ่งลง แสดงว่าโดนยิงกระสุนมาจากฝั่งขวา ดังนั้นแสดงให้เห็นว่า เป็นไปไม่ได้ที่ทหารจากกองพลทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.ม.1) ที่อยู่ทางฝั่งซ้ายจะเป็นคนยิง ซึ่งจะเห็นว่า เป็นการแอบยิงมาจากผู้แอบยิงจากทางด้านฝั่งขวา และบริเวณเกาะกลางจะเห็นว่า มีคนก่อการร้ายถืออาวุธปืนอยู่ ใส่ชุดดำ และโพกผ้าแดงอยู่ด้วย ซึ่งเบื้องต้นเป็นการสันนิษฐานมาจาก ศอฉ. ดังนั้น จึงขอให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน อย่าเพิ่งด่วนสรุป
ขณะที่ พ.อ.พีระพล ปกป้อง ผู้อำนวยการกองอุบัติเหตุโรงพยาบาลพระมงกุฎ กล่าวว่า จากที่ได้ตรวจสภาพศพของ พลทหารคนดังกล่าวนั้นพบว่า มีรอยรูกระสุนเข้าหางคิ้วซ้าย ต่อไปยังถึงขมับ แต่กระสุนเข้าข้างใน จากวิถีกระสุนทำให้กะโหลกแตกเป็นรอยกว้าง ทำลายเนื้อสมองด้านหน้าอย่างมาก ทำให้เสียชีวิตทันที เนื้อสมองมีสะเก็ดกระจายอยู่ ซึ่งอาวุธที่ใช้ในการยิงร้ายแรงมาก สันนิษฐานว่า ไม่น่าใช่กระสุนปืนเอ็ม 16 เพราะการยิงกะโหลกทำให้สมองกระจายด้วยกระสุนนัดเดียว และเป็นการยิงจากระยะไกล ไม่มีรอยเขม่า จะเห็นว่า มีเพียงเศษวัสดุทองแดงตะกั่ว หากเป็นกระสุนปืนเอ็ม 16 จะมีร่องรอยกระสุน ส่วนจะเป็นอาวุธชนิดไหนคงให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์ทราบอีกครั้ง
จากการให้สัมภาษณ์ของ พ.อ.พีระพล จึงเป็นการยืนยันอย่างชัดเจนว่า วิถีกระสุนปืนถูกยิงมาจากด้านซ้าย ซึ่งเป็นส่วนที่มีทหารจากกองพลทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.ม.1) ตั้งแนวรับอยู่ ไม่ใช่ถูกยิงมาจากด้านขวาอย่างที่ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวแต่อย่างใด
(ดูจากคลิปของช่อง 9) ดูในวงกลมสีแดงใกล้เกาะกลางคือจุดตาย ส่วนสีเขียวทางขวามือมีบางคนว่าเป็นกลุ่มควันปืนความจริงเป็นน้ำฝนที่ถูกลมพัดตกลงมาจากทางด่วน ชัดเจนว่า ทหารยิงแน่นอน เพราะอยู่ใกล้แนวทหารมากๆ ถ้าใครแอบยิงจากเกาะกลางถนน ทหารต้องถล่มแน่ เพราะทหารอยู่ตลอดทั้งสองฝั่งถนนเต็มไปหมด ...
Posted by : ทีมข่าวภูเก็ตอีนิวส์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น